ปัญหาที่ ๒ กาลักน้ำ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๒ แห่งกาลักน้ำนั้น เป็นไฉน”
รูปกาลักน้ำ
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ธรรมดากาลักน้ำ
๑. ย่อมดูดน้ำขึ้นมาได้
๒. ดูดทีเดียวน้ำก็ไม่ไหลออก ดูดน้ำไว้ได้ร่ำไป
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องกอบด้วยองค์เช่นนี้แล คือ
๑. นำความพอใจที่ตนดูดดื่มไว้ดีแล้วให้ซึมซาบไปด้วยดี
๒. มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยแล้วไม่ปล่อยความเลื่อมใสนั้น ให้เสื่อมทรามไปอีก ทำพระไตรลักษณญาณให้เจริญแล้วไม่ปล่อยให้เสื่อมเสีย
ดุจพุทธภาษิตว่า ผู้บำเพ็ญเพียรนั้นเป็นเช่นนรชนผู้ชำระตน
ให้บริสุทธิ์แล้วในทัศนะ เที่ยวในอริยธรรมบรรลุธรรมวิเศษ ย่อมไม่
หวั่นไหว เพราะว่ามีสมบัติไม่น้อย และเพราะเป็นใหญ่ด้วยคุณธรรมทั้งปวง”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ถูกแล้ว”
ปัญหาที่ ๓ ร่ม
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓ แห่งร่มนั้น เป็นไฉน”
รูปร่ม
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ธรรมดาร่ม
๑. ย่อมกางกั้นอยู่บนศีรษะ
๒. เป็นของบำรุงศีรษะ
๓. ย่อมกันลมแดดและฝนได้ฉันใด
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติก็ต้องทำตนฉันนั้นเหมือนกัน คือ
๑. ต้องอยู่เหนือจอมแห่งกิเลสทั้งหลาย
๒. ต้องบำรุงโยนิโสมนสิการ
๓. ต้องกันลมคือความสำคัญผิด กันแดดคือราคะ โทสะ โมหะ และกันฝนคือ กิเลสทั้งหลายเสีย
ดังภาษิตที่พระสารีบุตรกล่าวไว้ว่า ร่มที่ไม่ขาดไม่ทะลุ
ย่อมกันลม กันแดด กันฝนได้ ฉันใด พุทธบุตรก็ต้องเป็นฉันนั้น คือกันลม และแดดคือราคะ โทสะ โมหะและกันฝนคือกิเลสทั้งหลายเสีย”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบละ”
<หน้าที่แล้ว สารบัญ หน้าต่อไป>