ปัญหาที่ ๖ อากาศ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕ แห่งอากาศนั้น เป็นไฉน”
รูปท้องฟ้าอากาศ
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ธรรมดาอากาศ
๑. ใคร ๆ จะถือไว้ไม่ได้
๒. เป็นที่สัญจรแห่หมู่ฤษีมุนี และสกุณชาติทั้งหลาย
๓. เป็นฐานแห่งความสะดุ้ง
๔. ไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
๕. เป็นที่ ๆ ไม่ติดไม่ข้อง
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติพึงทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกับอากาศนี้ คือพึงเป็นผู้
๑. อันกิเลสไม่พึงรัดรึงโดยประการทั้งปวง
๒. ปล่อยใจให้สัญจรไปในสังขารทั้งหลายโดยมนสิการว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
๓. ต้องหวาดกลัวต่อการปฏิสนธิ
๔. ต้องมีศีลเรียบร้อยหมดจดไม่สิ้นสุด มีญาณแก่กล้าหาประมาณมิได้
๕. ไม่ติดไม่ข้องอยู่ในตระกูลในหมู่คณะในอิฏฐารมณ์ทั้งปวง
ดุจพุทธภาษิตที่ตรัสสอนพระราหุลว่า อากาศไม่ได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไร ๆ ฉันใด จงเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศ ฉันนั้น
เพราะว่าเมื่อเจริญได้เช่นนั้น ผัสสะทั้งปวงย่อมครอบงำจิตไม่ได้”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “เธอฉลาดว่า”
ปัญหาที่ ๗ พระจันทร์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติพึงถือองค์ ๕ แห่งพระจันทร์นั้น เป็นไฉน”
รูปพระจันทร์
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร พระจันทร์
๑. ย่อมส่องแสงสว่างในศุกลปักษ์ขึ้นทุกที ๆ
๒. เป็นนักษัตรใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่ง
๓. ย่อมฉายรัศมีในเวลากลางคืน
๔. มีวิมานเป็นธง
๕. ชาวโลกย่อมปรารถนาให้ส่องแสงฉายรัศมีอยู่เนืองนิตย์
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกับองค์แห่งพระจันทร์นี่แล คือ
๑. ต้องเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นในกุศลธรรมทั้งหลาย
๒. ต้องมีฉันทะความพอใจ เป็นใหญ่เป็นประธาน
๓. ต้องเป็นผู้สงัดเงียบ
๔. ต้องเป็นผู้มีศีลเป็นธง
๕. เมื่อตระกูลเขาอาราธนาก็เข้าไปสู่ตระกูลตามปรารถนา
ดุจพุทธภาษิตในสังยุตตนิกายว่า ภิกษุทั้งหลายจงเข้าไปสู่ตระกูลเหมือนพระจันทร์ อย่าคะนองกายอย่าคะนองจิต เป็นคนใหม่ในตระกูลเป็นนิตย์”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบละ”