ปัญหาที่ ๒ น้ำ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติถือองค์ ๕ แห่งน้ำนั้นเป็นไฉน”
รูปน้ำ
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพระ ปรกติของน้ำ
๑. เป็นของบริสุทธิ์ใส ไม่ขุ่นมัว
๒. เป็นของเย็น
๓. ทำของที่ไม่ สะอาดให้สะอาด
๔. เป็นของอันคนหมู่มากต้องการ
๕. ย่อมไม่ตั้งไว้ซึ่งสิ่งที่ใช่ประโยชน์
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องการทำตนให้ประกอบด้วยคุณสมบัติเช่นเดียวกับน้ำ คือ
๑. เป็นผู้มีอาจาระบริสุทธิ์
๒. พึงพร้อมด้วยความอดทนและความเอ็นดู มีปรกติแสวงหาประโยชน์แก่หมู่สัตว์
๓. พึงเป็นผู้ไม่มีอธิกรณ์
๔. พึงเป็นผู้มีความปรารถนาน้อย ยินดีตามมีตามได้เป็นผู้อันหมู่ชนปรารถนาเนือง ๆ
๕. ต้องไม่กระทำซึ่งบาปด้วยกายวาจาใจ ดังพุทธภาษิตในกัณหาชาดกว่า
ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าสรรพสัตว์ ถ้าพระองค์ประทานพร แก่ข้าพระบาทแล้วไซร้ ก็ขออย่าให้ใจหรือร่างกายของใคร ๆ ได้รับความเดือดร้อนเพราะข้าพระบาทเป็นเหตุ”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบละ”
ปัญหาที่ ๓ ไฟ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕ แห่งไฟนั้นเป็นไฉน”
รูปไฟ
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ธรรมดาไฟ
๑. ย่อมเผาหญ้าใบไม้ กิ่งไม้ให้ไหม้ได้
๒. ไม่มีความกรุณาสงสารเชื้อไฟเลย
๓. ย่อมกำจัดความหนาวเสียได้
๔. ย่อมไม่มีความยินดียินร้าย
๕. ย่อมกำจัดความมืดเสียได้
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกับไฟนี้แล คือ
๑. ต้องพยายามเผากิเลสทั้งหลายด้วยไฟ คือปรีชาญาณ
๒. ต้องไม่มีความสงสารในกิเลสทั้งปวง
๓. ต้องก่อไฟคือความเพียรให้กำจัดกิเลสเสียให้สิ้น
๔. ต้องไม่มีความยินดียินร้ายระวังอยู่ทุกอิริยาบถ
๕. ต้องกำจัดความมืดคืออวิชชา ดังพุทธภาษิตที่ตรัสสอนพระราหุลว่า
ราหุลท่านจงเจริญภาวนาอันเสมอด้วยไฟเพราะว่า เมื่อท่านเจริญอยู่เช่นนั้น อกุศลทั้งหลายที่ไม่เกิด จะได้ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะไม่ครอบงำจิต”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบละ”