ปัญหาที่ ๒ ไก่
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่าผู้ที่จะได้บรรลุมรรคผลต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ อันเทียบได้กับองค์คุณแห่งไก่ ๕ ประการนั้น คืออย่างไร”
รูปปัญหาที่เปรียบกับไก่
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ธรรมดาไก่
๑. เมื่อเวลายังมืดอยู่ ก็ยังไม่บินลงหากิน
๒. พอสว่างก็บินลงหากิน
๓. จะกินอาหารก็ใช้เท้าเขี่ยเสียก่อน แล้วจึงจิกกิน
๔. กลางวันมีตาใสสว่าง เห็นอะไรได้ถนัด แต่เวลากลางคืนตาฟางคล้ายตาบอด
๕. เมื่อถูกเขาขว้างปา หรือถูกตะเพิดไม่ให้เข้ารัง ก็ไม่ทิ้งรังของตน
นี้เป็นองค์คุณ ๕ ประการแห่งไก่
ขอถวายพระพร ผู้มุ่งมรรคผลจะต้องปฏิบัติตนให้ประกอบด้วยคุณสมบัติอันเทียบได้กับองค์คุณเหล่านี้แลคือ
๑. เวลาเช้าปัดกวาดที่อยู่และจัดตั้งเครื่องใช้สอยไว้ให้เรียบร้อย อาบน้ำชำระกายให้สะอาด บูชากราบไหว้ปูชนียวัตถุและวุฒิบุคคล
๒. ครั้นสว่างแล้วจึ่งกระทำการหาเลี้ยงชีพตามหน้าที่แห่งเพศของตน
๓. พิจารณาก่อนแล้วจึงบริโภคอาหารดั่งพุทธภาษิตว่า ผู้บริโภคอาหาร พึงพิจารณาเห็นเหมือนคนบริโภคเนื้อบุตรของตนในทางกันดาร แล้วไม่มัวเมา มุ่งแต่จะทรงชีวิตไว้เพื่อทำประโยชน์สุขของตนและผู้อื่น
๔. ตาไม่บอดก็พึงทำเหมือนตาบอด คือ ไม่ยินดียินร้ายดุจภาษิตที่พระมหากัจจายนะ กล่าวไว้ว่า มีตาดีก็พึงเป็นเหมือนตาบอด มีหูได้ยินก็พึงเป็นเหมือนหูหนวก มีลิ้นเจรจาได้ก็พึงเป็นเหมือนคนใบ้ มีกำลังก็พึงเป็นเหมือนคนอ่อนเพลีย เรื่องร้ายเกิดขึ้นก็พึงนอนนิ่งเสียเหมือนคนตายนอนเฉยอยู่ฉะนั้น
๕. จะทำจะพูดไม่พึงละสติสัมปชัญญะ ประหนึ่งไก่ไม่ทิ้งรังฉะนั้น
ขอถวายพระพร ผู้ที่ปฏิบัติได้เช่นนี้แล จึงจะได้บรรลุมรรคผล”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบแล้ว”
ปัญหาที่ ๓ กระแต
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๑ แห่งกระแต นั้นเป็นไฉน”
รูปปัญหาเทียบกับกระแต
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร กระแตเมื่อมีศัตรูมารบกวน ก็พองหางของตนเข้าต่อสู้ศัตรูฉันใด
ผู้ปฏิบัติเมื่อกิเลสเกิดขึ้น ก็ต้องกระทำตนฉันนั้น คือพึงเจริญสติปัฏฐานต่อสู้กิเลสทั้งหลาย ดั่งนัยภาษิตที่พระจุลบันถกกล่าวไว้ว่า เมื่อกิเลสอันเป็นเหตุกำจัดเกิดขึ้น พึงฆ่ากิเลสเหล่านั้นเสียด้วยสติปัฏฐาน ๔”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “เข้าใจละ”
|