อุปมากถาปัญหาบทมาติกา
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์พึงถือองค์ (องค์ประกอบ) กี่ประการ”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ ต้องมีองค์ได้แก่
ในวรรค ๑ พึงถือ
องค์แห่งลา ๑
องค์แห่งไก่ ๕
องค์แห่งกระแต ๑
องค์แม่เสือเหลือง ๑
องค์แห่งพ่อเสือเหลือง ๒
องค์แห่งเต่า ๕
องค์แห่งปี่ ๑
องค์แห่งรางปืน ๑
องค์แห่งกา ๒
องค์แห่งลิง ๒
นี้คือวรรค ๑
ในวรรค ๒ พึงถือ
องค์แห่งเถาน้ำเต้า ๑
องค์แห่งบัว ๓
องค์แห่งพืช ๒
องค์แห่งไม้ขานาง ๑
องค์แห่งเรือ ๓
องค์แห่งเรือติดโสโครก ๒
องค์แห่งเสา ๑
องค์แห่งต้นหน ๓
องค์แห่งคนงาน ๑
องค์แห่งมหาสมุทร ๕
นี้คือวรรค ๒
ในวรรค ๓ พึงถือ
องค์แห่งแผ่นดิน ๕
องค์แห่งน้ำ ๕
องค์แห่งไฟ ๕
องค์แห่งลม ๕
องค์แห่งภูเขา ๕
องค์แห่งอากาศ ๕
องค์แห่งพระจันทร์ ๕
องค์แห่งพระอาทิตย์ ๗
องค์แห่งพระอินทร์ ๓
องค์แห่งพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๔
นี้คือวรรค ๓
ในวรรค ๔ พึงถือ
องค์แห่งปลวก ๑
องค์แห่งแมว ๒
องค์แห่งหมู ๑
องค์แห่งแมลงป่อง ๑
องค์แห่งพังพอน ๑
องค์แห่งสุนัขจิ้งจอก ๒
องค์แห่งเนื้อ ๓
องค์แห่งโค ๔
องค์แห่งสุกรป่า ๒
องค์แห่งช้าง ๕
นี้คือวรรค ๔
ในวรรค ๕ พึงถือ
องค์แห่งราชสีห์ ๗
องค์แห่งนกจากพราก ๓
องค์แห่งนก ๒
องค์แห่งนกกระจอก ๑
องค์แห่งนกเค้า ๒
องค์แห่งนกตะขาบ ๑
องค์แห่งค้างคาว ๒
องค์แห่งปลิง ๑
องค์แห่งงูสามัญ ๓
องค์แห่งงูเหลือม ๑
นี้คือวรรค ๕
ในวรรค ๖ พึงถือ
องค์แห่งแมงมุม ๑
องค์แห่งทารกดูดนม ๑
องค์แห่งเต่าเหลือง ๑
องค์แห่งป่า ๕
องค์แห่งต้นไม้ ๓
องค์แห่งเมฆ ๕
องค์แห่งแก้วมณี ๓
องค์แห่งพรานเนื้อ ๔
องค์แห่งพรานเบ็ด ๒
องค์แห่งช่างถาก ๒
นี้คือวรรค ๖
ในวรรค ๗ พึงถือ
องค์แห่งหม้อ ๑
องค์แห่งกาลักน้ำ ๒
องค์แห่งร่ม ๓
องค์แห่งนา ๓
องค์แห่งยาดับพิษงู ๒
องค์แห่งโภชนะ ๓
องค์แห่งนายขมังธนู ๔
องค์แห่งพระราชา ๔
องค์แห่งนายประตู ๒
องค์แห่งหินบด ๑
(ตามบทมาติกามีต่อไปอีก ๔ วรรค แต่ท่านกล่าวไว้เพียง
วรรค ๗ และปัญหาที่ ๗ เท่านี้)
นี้คือวรรค ๗”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบแล้ว”
ปัญหาที่ ๑ ลา
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องบำเพ็ญตนให้เทียบได้กับองค์แห่งลา ๑ นั้น เป็นไฉน”
รูปลา
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร นิสัยลาย่อมนอนได้ทุกแห่งไม่ว่าที่ไหน และนอนไม่มากนัก ฉันใด
ผู้ปฏิบัติก็ต้องบำเพ็ญตนฉันนั้นเหมือนกัน คือต้องไม่เลือกที่นอนที่ใดจะให้ความสุขในการบริหารร่างกายได้ ก็นอนที่นั้น และ
นอนไม่มากนัก
ทั้งต้องประกอบความเพียรในที่ ๔ สถาน คือ
เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน
เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน
เพียรการกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อมไป
ดังนัยแห่งพระพุทธภาษิตว่า
‘ภิกษุมีความเพียรตั้งไว้ชอบมั่นดุจท่อนไม้ ไม่ประมาทเพียรพยายามอยู่ในปธานธรรม ๔ สถานนั้น’
แม้พระสารีบุตรก็ได้กล่าวความข้อนี้ไว้ว่า ภิกษุผู้บำเพ็ญเพียรจะต้องนั่งสมาธิพอสมควรแก่ความสบาย และทำจิตให้แน่วแน่”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบแล้ว”
|