บทความ
 เคมี (Chemistry)
 สู่อิสรภาพทางการเงิน (To Financial Freedom)
 การคำนวณ และออกแบบ (Calculation and design)
 เทคโนโลยีการเกษตร (Agricultural Technology)
 เครื่องมือกล (Machine tools)
 Laws of Nature
 อวกาศ
 พลังงาน
 อิเล็กทรอนิกส์
 ทฤษฏีสัมพัทธภาพ
 ไครโอเจนิกส์
 เฮลิคอปเตอร์
 เกียร์อัตโนมัติ
 โทรศัพท์มือถือ
 ยาง
 รถไฟความเร็วสูง
 คลัตช์ และกระปุกเกียร์ธรรมดา
 เจ็ทแพ็ค
 แผ่นดินไหว
 คู่มือ ต้องรอด
 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
 ดาวเทียม
 เชื่อมโลหะใต้น้ำ
 กังหันลมผลิตไฟฟ้า
 เครื่องยนต์ดีเซล
 เครื่องยนต์เบนซิน
 คัมภีร์สงครามซุนวู ฉบับเข้าใจง่าย
 โลหะ
 ฟิสิกส์
 ปัญหาพระยามิลินท์
 ยานยนต์สมัยใหม่
 แมคาทรอนิกส์
 เครื่องกล 6 แกน
 เครื่องยนต์เจ็ท
 หุ่นยนต์
 สินค้า ผลงาน
 เขียนแบบ
 ออกแบบ คำนวณ
 วางโครงการ
 งานโลหะ
 อุปกรณ์
 เครื่องกล
วันนี้ 943
เมื่อวาน 984
สัปดาห์นี้ 11,972
สัปดาห์ก่อน 29,853
เดือนนี้ 59,129
เดือนก่อน 65,987
ทั้งหมด 4,874,381
  Your IP :3.17.181.122

ปัญหาที่ ๙ การอุทิศบาปกรรม (กุสลากุสลมหันตามหันภาวปัญหา)

     

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ส่วนบุญอุทิศให้กันได้ ก็ส่วนบาปเล่า จะอุทิศให้กันได้หรือไม่”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ไม่ได้”

 

      ม: “เป็นด้วยอะไรจึงไม่ได้”

 

      น: “ขอถวายพระพร เป็นด้วยบาปมีผลบีบคั้นหัวใจทำใจให้หดหู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ บาปก็มีวงอันแคบ มีผลจำกัด แบ่งให้ผู้อื่นทั่ว ๆ ไปไม่ได้ ผู้ใดกระทำก็เฉพาะผู้นั้นเท่านั้น ซึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลของบาป”

 

      ม: “เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง”

 

 

รูปหยดน้ำบนพื้นดิน

 

 

      น: “หยดน้ำอันน้อย หยดลงที่พื้นดิน ขอถวายพระพร หยาดน้ำนั้นจะทำให้พื้นดินซึมซาบทั่วไปได้หรือไม่”

 

      ม: “ไม่ได้สิเธอ หยดที่ไหนก็ซึมซาบเฉพาะที่นั่น”

 

      น: “เป็นเพราะอะไร”

 

      ม: “เป็นเพราะหยาดน้ำนั้นมีน้ำอยู่น้อย”

 

      น: “บาป ซึ่งมีผลจำกัด ก็ย่อมเป็นเช่นเดียวกันกับหยาดน้ำอันน้อยนี้แล เมื่ออุทิศให้ผู้อื่น จึงไม่ซึมซาบไปได้

 

      ขอถวายพระพร ก็ถ้าเป็นน้ำฝน แผ่นดินย่อมจะซึมซาบได้มากมายมิใช่หรือ”

 

 

 

รูปฝนตก

 

 

      ม: “ก็อย่างนั้นซิเธอ เพราะน้ำฝนเป็นของมาก จึงทำให้แผ่นดินชุ่มชื้นได้มาก”

 

      น: “นั่นแลฉันใด แม้บุญก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือมีผลเอิบอาบใจปลูกความชุ่มชื่นอยู่ทุกขณะจิต เมื่อมาอุทฺสให้กันจึงซึมซาบไปถึง”

 

      ม: “เพราะเหตุผลเป็นอย่างไร บาปกับบุญจึงได้ต่างกันเช่นนั้น”

 

      น: “เพราะบาป มีผลเป็นทุกข์ระกำใจ ไม่ชวนให้กระทำต่อไป ทำใหผู้กระทำเกิดความระอาท้อถอย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นอันว่ามีเหตุผลจำกัด  มีทางขยายตัวออกได้น้อย

 

      ส่วนบุญมีผลเป็นสุขเย็นกายเย็นใจ ผู้กระทำเกิดความเอิบอิ่มใจอยู่ทุกขณะจิต คือ ขณะจะทำใจก็สบายขณะทำอยู่ใจก็เพลิดเพลิน ทำแล้วใจก็เบิกบาน และเพิ่มพูนความปราโมทย์ขึ้นทุกขณะที่นึกถึง

 

      เป็นอันว่า มีผลขยายตัวออกไปได้เสมอ เหมือนก้อนหินตกลงไปในน้ำ ย่อมทำให้กระแสน้ำกระจายออกไปทุกทีฉะนั้น

 

      ขอถวายพระพร เนื่องด้วยมีเหตุมีผลเป็นเช่นนี้ บุญกับบาปจึงต่างกันเช่นนั้น”

 

      ม: “เธอว่านี้ชอบแล้ว”

 

จบกุสลากุสลมหันตามหันภาวปัญหา

 

 

 

ปัญหาที่ ๑๐ ความฝัน (สุปินปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน คนที่นอนฝันเป็นเพราะอะไร”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร เป็นเพราะ

 

      ๑. ลมกำเริบ

 

      ๒. เพราะดีกำเริบ

 

      ๓. เพราะเสมหะกำเริบ

 

      ๔. เพราะเทวดาสังหรณ์

 

      ๕. เพราะอารมณ์ที่แนบอยู่กับจิต

 

      ๖. เพราะบุรพนิมิต

 

      ขอถวายพระพร  ใน ๖ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือยิ่งกว่า เป็นเหตุให้คนเรานอนฝัน และฝันเพราะบุรพนิมิต เป็นฝันที่แน่นอน”

 

      ม: “ขณะเมื่อจะฝัน เป็นด้วยนิมิตผ่านเข้าไปหาจิต หรือเป็นด้วยจิตไปยึดเอานิมิตมาฝัน หรือมีใครมาบอก”

 

      น: “ขอถวายพระพร เป็นด้วยนิมิตผ่านเข้าไปหาจิตหาใช่เป็นด้วยอย่างอื่นไม่ เปรียบเหมือนเงาที่กระจก นิมิตได้แก่เงา จิตได้แก่กระจกฉะนั้น”

 

      ม: “ขณะเมื่อฝัน หลับหรือตื่น”

 

      น: “มิใช่ขณะหลับหรือตื่น ขณะใดที่จิตจะก้าวลงสู่ภวังค์ หรือก้าวมาจากภวังค์ ขณะนั้นแลเป็นเวลาที่จะฝัน

 

      ขอถวายพระพร ๑. คนหลับ ๒. ท่านที่เข้านิโรธสมาบัติจิตไม่หวั่นไหวจิตก้าวลงสู่ภวังค์

 

      เมื่อเป็นดังนั้น นิมิตก็ผ่านเข้าไปไม่ถึงจิต เหมือนแสงพระอาทิตย์ เมื่อมีเมฆหมอก เป็นต้น  มาปิดบังเสียก็ส่องแสงมายังเราได้น้อย หรือไม่ถึงเลยฉะนั้น ส่วนคนตื่นอยู่จิตขุ่นมัวไม่แน่วแน่ ไม่เป็นปรกติ นิมิตเดินไปไม่ถึงจิตเช่นเดียวกัน”

 

      ม: “นี่เธอ เบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดแห่งความหลับมีหรือไม่”

 

      น: “มี คือขณะเมื่อร่างกายบางส่วนพักผ่อนหยุดการทำงานนี้เป็นเบื้องต้น

     

      ขณะเมื่อจิตหลับม่อยไปดุจวานรหลับนี้เป็นท่ามกลาง

 

      ขณะเมื่อหลับสนิทจิตก้าวลงสู่ภวังค์ นี้เป็นสุดแห่งความหลับ

 

      ขอถวายพระพร ท่ามกลางแห่งความหลับนั้นแล เป็นเวลาที่จะฝัน”

 

      ม: “เข้าใจ”

 

จบสุปินปัญหา

จบวรรคที่ ๘

 

 

Share on Facebook
 
Google

WWW
http://www.thummech.com/
ฟังเพลงออนไลน์ คลิกเลย
 
Copyright © 2013-2015 Thummech All Rights Reserved. 
Powered by  ThaiWebPlus 
คนธรรมดามีความรู้คือคนฉลาด คนฉลาดมีความเข้าใจคือคนธรรมดา