ปัญหาที่ ๒ทรงบัญญัติสิกขาไม่พร้อมกัน (สิกขาปทอปัญญาปนปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ครั้งก่อนนี้หมอผู้เชี่ยวชาญอยู่ ๗ หมอ คือ
๑. นารทะ
๒. ธัมมันตริกะ
๓. อังคีรสะ
๔. กะปีละ
๕. กัณฑารัคคิกามะ
๖. อตุละ
๗. ปุพพกัจจายนะ
หมอทั้ง ๗ นี้ ย่อมคะเนอาการคนไข้ได้ว่า อีกเท่านั้นวัน
อาการจักมีจักเป็นอย่างนั้น ๆ
นี่เธอ คนเหล่านี้แม้มิใช่สัพพัญญู แต่ก็ยังคาดกาลข้างหน้าได้ถูกต้อง ส่วนพระพุทธเจ้าสิเป็นสัพพัญญูรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไฉน จึงไม่ทรงบัญญัติสิกขาบทล่วงหน้าไว้ให้ครบถ้วนเสียคราวเดียว”
น: “ก็เพราะว่าพระองค์ทรงเห็นว่า ถ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ครบถ้วนทั้ง ๑๕๐ คราวเดียว ก็อาจจะเป็นข้อหยุมหยิมของผู้แรกเข้ามาบวช จนให้เกิดความระอาใจก็เป็นได้
เนื่องด้วยมีพระหฤทัยทรงอนุเคราะห์อยู่เช่นนี้แล จึงทรงรอไว้ต่อเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นก่อนแล้ว จึงทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามเป็นเรื่อง ๆ ไป”
ม: “ชอบละ”
จบสิกขาปทอปัญญาปนปัญหา
ปัญหาที่ ๓ โรคของพระอาทิตย์ (สุริยโรคภาวปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระอาทิตย์บางคราวก็ฉายแสงอ่อนลงมิใช่หรือ”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร เป็นดังนั้น”
ม: “ด้วยอะไรนะเธอ จึงเป็นเช่นนั้น”
น: “เป็นด้วยพระอาทิตย์ถูกโรคเบียดเบียน ขอถวายพระพร โรคที่เบียดเบียนพระอาทิตย์นั้น มีอยู่ ๔ อย่างคือ
๑. ควันไฟ
๒. เมฆ
๓. หมอก
๔. ราหู
(เรื่องพระราหูที่เป็นโรคของพระอาทิตย์พระจันทร์ นี้ก็คือ เรื่องสุริยคราส จันทรคราส เรื่องนี้แต่ก่อนเชื่อกันว่า เป็นเพราะพระราหูอมพระอาทิตย์ พระจันทร์ไว้ แม้ในสังยุตตนิกาย สุริยสูตร จันทิมสูตรก็ยังกล่าวความข้อนี้ไว้ และว่าพระราหูต้องปล่อยเพราะพุทธานุภาพ
ก็การที่เรื่องไม่เป็นจริงเข้ามาแทรกแซงอยู่ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาได้
เช่นนี้ คงจะเป็นด้วยท่านผู้ร้อยกรองคัมภีร์ชั้นหลัง ๆ ซึ่งมีความเชื่อถือลัทธิ
ตามพื้นเมืองมาแต่งแทรกเข้าไว้ เพราะการถือพระพุทธศาสนายุคหลังย่อม
มีเหตุผันแปรไปต่างๆ ดังพระมติที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงค์เธอ กรมพระยา
ดำรงราชานุภาพทรงประทานไว้ในหนังสือตำนานพุทธเจดีย์สยามว่า
"เมื่อพุทธกาลล่วง ๑๐๐๐ ปี การถือพระพุทธศาสนาที่ในอินเดียเกิดผันแปรไป เหตุด้วยการแข่งขันในระหว่างพวกที่สอนศาสนาพราหมณ์ กับพวกที่สอน
พระพุทธศาสนามีมาช้านาน จนชาวอินเดียมักถือพระพุทธศาสนา กับศาสนา
พราหมณ์ระคนปนกันไป
ดังปรากฏในจดหมายเหตุของหลวงจีนฮ่วนเจียง (หรือยวนฉ่าง) ซึ่งไปถึงอันเดียเมื่อ พ.ศ. ๑๑๗๒ กล่าวว่า ในสมัยนั้น พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งเป็นพุทธศาสนูปถัมภกทรงพระนามว่า พระเจ้าสีลาทิตย์ครองเมืองกันยากุพช์ (เดี๋ยวนี้เรียกว่ากาโนช) เป็นราชธานีอยู่ในมัชฌิมประเทศ ให้ทำการสังคายนา
แต่งานนั้น วันแรกแห่พระพุทธรูปออกมาเป็นประธาน วันที่สองแห่รูปพระอาทิตย์ออกมาเป็นประธาน ถึงวันที่สามแห่รูปพระอิศวรออกมาเป็นประธาน ดังนี้
ตามพระมติที่ทรงแสดงไว้นี้ ย่อมนำให้เห็นว่า ในระหว่างแข่งขันเอา
ชนะเอาแพ้กันเช่นนั้น ลัทธิต่างๆ น่าจะได้ช่องเข้ามาแทรกแซงอยู่ใน
คัมภีร์พระพุทธศาสนาอย่างถนัดใจ แล้วและนำสืบมาโดยความไม่รู้สึก”
อาศัยเหตุดังกล่าวนี้แล เรื่องที่มีกะพี้ติดอยู่ด้วยจึงมีแทรกอยู่ใน
คัมภีร์พระพุทธศาสนาแม้ชั้นบาลี)
เมื่อโรค ๔ อย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไปบังแสงพระอาทิตย์ ๆ ก็ฉายมายังเราได้น้อย เมื่อเป็นดังนั้นแสงพระอาทิตย์ก็อ่อนลง”
ม: “เข้าใจละ”
จบสุริยโรคภาวปัญหา