บทความ
 เคมี (Chemistry)
 สู่อิสรภาพทางการเงิน (To Financial Freedom)
 การคำนวณ และออกแบบ (Calculation and design)
 เทคโนโลยีการเกษตร (Agricultural Technology)
 เครื่องมือกล (Machine tools)
 Laws of Nature
 อวกาศ
 พลังงาน
 อิเล็กทรอนิกส์
 ทฤษฏีสัมพัทธภาพ
 ไครโอเจนิกส์
 เฮลิคอปเตอร์
 เกียร์อัตโนมัติ
 โทรศัพท์มือถือ
 ยาง
 รถไฟความเร็วสูง
 คลัตช์ และกระปุกเกียร์ธรรมดา
 เจ็ทแพ็ค
 แผ่นดินไหว
 คู่มือ ต้องรอด
 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
 ดาวเทียม
 เชื่อมโลหะใต้น้ำ
 กังหันลมผลิตไฟฟ้า
 เครื่องยนต์ดีเซล
 เครื่องยนต์เบนซิน
 คัมภีร์สงครามซุนวู ฉบับเข้าใจง่าย
 โลหะ
 ฟิสิกส์
 ปัญหาพระยามิลินท์
 ยานยนต์สมัยใหม่
 แมคาทรอนิกส์
 เครื่องกล 6 แกน
 เครื่องยนต์เจ็ท
 หุ่นยนต์
 สินค้า ผลงาน
 เขียนแบบ
 ออกแบบ คำนวณ
 วางโครงการ
 งานโลหะ
 อุปกรณ์
 เครื่องกล
วันนี้ 445
เมื่อวาน 1,634
สัปดาห์นี้ 6,675
สัปดาห์ก่อน 11,634
เดือนนี้ 34,910
เดือนก่อน 76,610
ทั้งหมด 4,379,407
  Your IP :18.116.15.31

ปัญหาที่ ๘ พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นทีเดียวพร้อมกัน ๒ พระองค์ไม่ได้ (ทวินนํ พุทธานํ โลเกนุปปัชชนปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ย่อมมีแนวสอนเป็นอย่างเดียวกันทั้งนั้นมิใช่หรือ”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ย่อมเป็นเช่นพระองค์ตรัสนั้นแล”

 

      ม: “ถ้าอย่างนั้น จะทรงอุบัติขึ้นในสมัยเดียวกันสัก ๒ พระองค์  จะมิดีกว่านี้หรือ เพราะจะได้ช่วยกันทรงสั่งสอนประหนึ่งไฟสองดวงย่อมเพิ่มแสงสว่างขึ้นฉะนั้น”

 

      น: “ขอถวายพระพร เป็นไปเช่นนั้นไม่ได้ เพราะว่าโลกธาตุย่อมทรงพระพุทธเจ้าไว้ได้แต่พระองค์เดียวเท่านั้น ถ้าจะพึงมีขึ้นถึง ๒ พระองค์ไซร้ โลกธาตุนี้ก็จะพึ่งกระจัดกระจายตั้งอยู่ไม่ได้

 

      เหมือนเรือที่จุได้แต่คนเดียว ถ้าลงถึง ๒ คนเรือก็จะทานน้ำหนักไม่ไหวต้องจมน้ำฉะนั้น อนึ่งถ้าจะมีพระพุทธเจ้าถึง  ๒  พระองค์พร้อมกัน เหล่าพุทธบริษัทผู้ยังตัดการถือเราถือเขาไม่ได้ก็จะเกิดเป็น ๒ ฝ่ายขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นในระหว่างคนทั้ง ๒ พวกนั้น ก็จะเกิดมีการวิวาทกันขึ้น

 

      ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐสุด ไม่มีผู้อื่นเสมอ ไม่มีใครเทียมเท่าก็ถ้ามีถึง  ๒  พระองค์แล้ว ก็จะเทียมเท่ากันไม่ประเสริฐสุดจริง

 

      เปรียบได้กะของใหญ่ในโลกนี้เช่น แผ่นดิน ฟ้า หรือพญาเขาสิเนรุ ถ้ามีถึง ๒ เทียบเทียมกันได้แล้ว ก็จะไม่ใหญ่ แต่นี่เพราะมี

อย่างละชิ้นเดียว ๆ เท่านั้น จึงจัดเป็นของใหญ่โตได้

 

      ขอถวายพระพร เนื่องด้วยเหตุผลมีอยู่ฉะนี้แล จึงมีพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในสมัยเดียวกันถึง ๒ พระองค์ไม่ได้”

 

จบทวินนํ พุทธานํ โลเกนุปปัชชนปัญหา

 

 

 

 

 

 

ปัญหาที่ ๙

      ข้อความในปัญหานี้ มีใจความเป็นอย่างเดียวกันกับปัญหาที่ ๕ ในวรรคที่ ๔

 

 

 

 

ปัญหาที่ ๑๐ คนที่ต้องสึกจากพระ (หินายาวัตตนปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน คนบวชแล้วสึก ไม่รู้อะไร ไม่น่าจะให้บวชในพระศาสนา ด้วยว่าจะทำให้คนทั้งหลายกล่าวหาได้ว่า พระศาสนาหาสาระมิได้”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร สระมีน้ำอยู่เต็มเปี่ยม เมื่อผู้ที่เปื้อนเปรอะไปถึงสระนั้นแล้ว ไม่ลงอาบน้ำชำระร่างกายเองเช่นนี้ คนทั้งหลายเขาจะพึงติเตียนสระหรือจะติเตียนผู้นั้น”

 

      ม: “จะติเตียนสระนั้นได้หรือเธอ ต้องเตียนผู้นั้นสิ”

 

      น: “นั่นแลฉันใด นี่ก็ฉันนั้นเหมือนกันคือผู้ที่ไปถึงสระ คือพระสัทธรรม

 

(พระธรรมอันดี (Good Dhamma) มี ๓ ประการ คือ ๑. พระปริยัติสัทธรรม ได้แก่ คำสอนของพระพุทธองค์ จัดเป็น ๓ หมวด เรียกว่า พระไตรปิฎก (ตะกร้า ๓) ซึ่งเปรียบเหมือนตะกร้าใส่สิ่งของต่างๆ เทียบกับพระเวท ๓ ของพราหมณ์ ไตรปิฎกบรรจุพระพุทธศาสนะ (คำสอน) ปาพจน์ (คำเป็นประธานเป็นหลัก))

 

โดยอาการที่บวชในพระศาสนาแล้ว แต่มิได้ศึกษาข้อวัตตปฏิบัติ ขัดเกลานิสัย และความประพฤติที่โสมมให้สะอาด แล้วหวนสึกมาถือเพศเป็นฆราวาสประพฤติสิ่งที่ลามก

 

      เช่นนี้คนทั้งหลายเขาก็พึงติเตียนผู้สกปรกเช่นเดียวกันนั้นแล จะไม่มีใคร ซึ่งเป็นผู้มีความคิดกล่าวหาพระศาสนาว่าหาประโยชน์มิได้ฉะนี้เลย เพราะว่าพระศาสนาพระพุทธองค์ได้ทรงขุดสระ คือพระสัทธรรมไว้แล้วด้วยมีพระพุทธประสงค์อยู่ว่า ผู้เปื้อนมลทินคือกิเลสจะได้มีโอกาสชำระล้างกายวาจาใจให้สะอาด

 

      ขอถวายพระพร ดีเสียอีก อันคนบวชแล้วเกียจคร้านต่อการศึกษา และการบำเพ็ญสัมมาปฏิบัติอยู่มิได้ ต้องสึกนั้น ย่อมแสดงให้คนทั้งหลายเห็นว่า พระศาสนาเป็นลัทธิที่สูงบริสุทธิ์ไม่แปดปนด้วยคนที่มีกายวาจาใจสกปรก อันคนที่คร้านต่อการเจริญสมณกิจ ย่อมระอาใจในการที่จะฝั่งตัวอยู่ในลัทธินี้ได้

 

      เป็นอันว่าคนที่จะบวชอยู่ในพระศาสนาได้โดยเย็นใจ ต้องเป็นผู้มั่นคง หนักแน่น ชำระกายวาจาใจสะอาดอยู่เสมอ ต้องบำเพ็ญสัมมาปฏิปทาตามฐานานุรูปของตน

 

      ขอถวายพระพร ก็เมื่อพระศาสนาเป็นลัทธิทรงคุณถึงเช่นนี้ ใครเล่าจะพึงติเตียนได้”

 

      ม: “เธอว่านี้ชอบแล้ว”

 

จบหินายาวัตตนปัญหา

จบวรรคที่ ๖

 

 

Share on Facebook
 
Google

WWW
http://www.thummech.com/
ฟังเพลงออนไลน์ คลิกเลย
 
Copyright © 2013-2015 Thummech All Rights Reserved. 
Powered by  ThaiWebPlus 
คนธรรมดามีความรู้คือคนฉลาด คนฉลาดมีความเข้าใจคือคนธรรมดา