ปัญหาที่ ๕ ถ้า ๒ คน ตายพร้อมกันแล้วคนหนึ่งไปพรหมโลก และอีกคนไปกัสมีรนคร ใครจะไปเกิดก่อน (พรหมกัสมีรนครปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน คนตายที่นี่คนหนึ่งไปเกิดพรหมโลกอีกคนหนึ่งไปเกิดที่กัสมีรนคร ๒ คนนี้ใครจะเร็วจะช้ากว่ากัน”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ไปเกิดพร้อมกันทั้ง ๒ คน”
ม: “แปลก เธอจงเปรียบให้ฟัง”
น: “ตำบลที่พระองค์ทรงอุบัติชื่ออะไร”
ม: “ชื่อกาลสิระ ณ เกาะอลสัณฑะ”
น: “นับแต่นี้ไปไกลเท่าไร”
ม: “ประมาณ ๒๐๐ โยชน์”
น: “ขอพระองค์ได้ทรงส่งพระหฤทัยไปยังกัสมีรนครบ้าง”
ม: “ส่งไปแล้ว”
น: “ขอถวายพระพร ใครเร็วใครช้ากว่ากัน”
ม: “ถึงพร้อมกันซิเธอ”
น: “นั่นแหละฉันใด นี่ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ด้วยว่าก่อนขณะจะดับจิตไปจากโลกนี้ จิตนั้นย่อมเกี่ยวเกาะที่ใดที่หนึ่งไว้แล้ว ครั้นดับจากที่นี้ก็แล่นไปถึงที่หมายไว้นั้นทันที เหตุนี้จึงว่าคนทั้งสองนั้น เกิดพร้อมกัน”
ม: “เธอสามารถเปรียบให้เห็นได้”
จบพรหมกัสมีรนครปัญหา
ปัญหาที่ ๖ ผู้ที่ไปเกิดโลกหน้า จะมีรูปร่างอย่างไร (ปรโลกคตนีลปีตาทิวัณณคตปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ที่ไปเกิดยังโลกหน้า ขณะเมื่อไปเกิดมีสีสันวรรณะเป็นอย่างไร”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ความข้อนี้พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสไว้”
ม: “ถ้าเช่นนั้นโลกหน้า ก็เป็นอันไม่มี”
น: “พระองค์ได้ยินคำถวายวิสัชนาของอาตมภาพหรือไม่”
ม: “ได้ยินสิเธอ”
น: “ก็ขณะเมื่อเสียงของอาตมภาพแล่นเข้าสู่พระกรรณ (หู) ของพระองค์ ๆ เห็นมีสีสันวรรณะอย่างไรบ้าง”
ม: “ไม่เห็นมีสีสันวรรณะอย่างไรนี่เธอ”
น: “คติของสัตว์ก็เป็นเช่นเดียวกับเสียงนั้นแล ขณะเมื่อจะไปเกิดยังโลกหน้า ก็มิได้ปรากฏว่ามีสีเขียว เหลือง ขาว หรือมีรูปทรงเหมือนช้าง ม้าอย่างไร”
ม: “ถ้าเป็นอย่างเธอว่า ร่างกายเราบัดนี้ก็ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งไปเกิดยังโลกหน้าอีกเลย”
น: “ขอถวายพระพร ย่อมเป็นเช่นนั้นแล”
ม: “ก็เมื่อเป็นอย่างนั้น โลกหน้าจะไม่มีร่างกายซึ่งเกิดขึ้นเองอีกร่างหนึ่งต่างหากหรือ”
น: “ขอถวายพระพร รวงข้าวในนาเกิดมาได้โดยลำพังหรือว่าโดยพืชพันธุ์ ซึ่งคนปลูกทำขึ้น”
รูปเปรียบกับรวงข้าวในนา ที่ชาวนานำมาปลูกไว้
ม: “จะเกิดขึ้นมาโดยลำพังได้อย่างไร ต้องอาศัยพืชพันธุ์ ซึ่งชาวนาได้หว่านได้ทำลงไป จึงจะเกิดรวงขึ้นมาได้”
น: “ร่างกายในโลกหน้าก็เป็นเช่นเดียวกับรวงข้าวนั้นแล คือมิได้เกิดขึ้นเอง ต้องอาศัยพืชพันธุ์เหมือนกัน ขอถวายพระพร แต่พืชพันธุ์ในที่นี้ได้แก่บุญบาป ซึ่งร่างกายในบัดนี้ได้กระทำไว้ พอตายไป บุญบาปนั้นแลก่อให้ร่างกาย ในโลกหน้าเกิดมีขึ้น
ก็ถ้าเกิดขึ้นได้เองโดยมิได้มีบุญบาปปรุงแต่งให้เป็นไปแล้ว คนจะมีลักษณะเหมือนกันสิ้น รูปพรรณสัณฐานก็จะไม่ผิดกันแต่นี่เพราะมิเป็นเช่นนั้นจึงได้ผิดกันต่าง ๆ ไปอย่างนี้”
ม: “เธอว่านี้ฟังได้”
จบปรโลกคตนีลปีตาทิวัณณคตปัญหา