วรรคที่ ๗
ปัญหาที่ ๑ อาการของสติ (สติอาการปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน สติความระลึกหรือความจำ เกิดแต่อาการเท่าไร”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร เกิดแต่อาการ ๑๗ อย่างคือ
(๑) เกิดแต่ความรู้ยิ่ง ดังผู้รู้ประวัติการณ์ที่ล่วงๆ มาแล้ว ความรู้นั้นย่อมเป็นแนวให้ระลึกถึงเหตุการณ์แต่หลังได้
(๒) เกิดแต่การที่ได้กระทำเครื่องหมายไว้
(๓) เกิดแต่การได้ขยับฐานะสูงขึ้นซึ่งเป็นเหตุให้นึกให้จำกิจการที่ตนได้กระทำมาแต่หลัง
(๔) เกิดแต่การได้รับความสุข ซึ่งชวนให้สาวเอากิจการที่ล่วงแล้วมานึกมาคิดเพื่อไต่สวนสาเหตุ
(๕) เกิดแต่การได้รับความทุกข์ ซึ่งชวนให้หวนไปนึกถึงเหตุแห่งความทุกข์นั้น ๆ
(๖) เกิดแต่การได้รู้เห็นสิ่งที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นการเตือนให้จำอีกสิ่งหนึ่งได้
(๗) เกิดแต่การรู้เห็นสิ่งที่ตรงกันข้าม เช่น เห็นสีขาวทำให้นึกถึงสีดำได้
(๘) เกิดแต่การได้รับคำตักเตือน
(๙) เกิดแต่รู้เห็นตำหนิหรือลักษณะทรวดทรง
(๑๐) เกิดแต่นึกขึ้นได้โดยลำพัง
(๑๑) เกิดแต่การพินิจพิเคราะห์
(๑๒) เกิดแต่การนับจำนวนไว้
(๑๓) เกิดแต่การทรงจำไว้ได้ตามธรรมดา
(๑๔) เกิดแต่การอบรม เช่นผู้ที่กระทำใจได้แน่วแน่ในเมื่อกระทำกิจการ สามารถรวบรวมกำลังใจมาคิดมานึกเฉพาะในกิจการอย่างนั้น แม้ว่ากิจการนั้นจะผ่านหูผ่านตามานานแล้ว เมื่อมานึกคิดขึ้นในภายหลัง ก็ยังคงจำได้ระลึกได้
(๑๕) เกิดแต่การได้จดได้เขียนไว้
(๑๖) เกิดแต่การเก็บไว้
(๑๗) เกิดแต่การเคยพบเคยเห็น”
ม: “มากอย่าง”
จบสติอาการปัญหา
ปัญหาที่ ๒ ผู้ทำบาปมานาน เวลาตายได้ทำจิตผ่องใสจะได้ไปสู่สุคติจริงหรือ (วัสสปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่าผู้ที่ทำบาปกรรมเรื่อยมาแม้ตั้ง ๑๐๐ ปี แต่ถ้าเวลาจะตายมีสติระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้ ก็ย่อมนำไปเกิดในสวรรค์
ส่วนผู้ที่ทำดีมาตลอด หลงทำบาปแม้แต่ครั้งเดียว ก็ย่อมไปบังเกิดในนรกนั้น ดูไม่สมเหตุสมผล ข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นด้วย”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ศิลาแม้ก้อนเล็กโดยลำพังจะลอยน้ำได้หรือไม่”
รูปเปรียบกับหินก้อนเล็กลงน้ำ
ม: “ไม่ได้”
น: “ก็ถ้าศิลาตั้ง ๑๐๐ เล่มเกวียน แต่อยู่ในเรือ ศิลานั้นจะลอยน้ำได้หรือไม่”
รูปเปรียบกับเรือบรรทุกหิน บรรทุกทราย
ม: “ได้สิเธอ”
น: “ขอถวายพระพร เปรียบบุญกุศลเหมือนเรือ บาปกรรมเหมือนศิลา
อันคนที่กระทำบาปอยู่เสมอจนตลอดชีวิต ถ้าเวลาจะตายมิได้ปล่อยจิตใจให้ตามระทมถึงบาปที่ตัวทำมาแต่หลังนั้น สามารถประคองใจไว้ในแนวแห่งกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นอาจทำใจให้แน่วอยู่เฉพาะแต่ในพระคุณของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ถ้าตายลงในขณะแห่งจิตดวงนั้น ก็เป็นอันหวังได้ว่าไปสุคติ
ประหนึ่งศิลาซึ่งมีเรือคอยทานน้ำหนักไว้มิให้จมลงฉะนั้น เหมือนกับคนทำความดีมาตลอด แต่พลาดมาทำบาปสุดเพียงครั้งเดียว ถ้าเวลาใกล้ตายจิตจะดับ ฉับพลันนั้น ก็นึกถึงบาปกรรมที่เคยทำในครั้งนั้น จิตดวงนั้นก็เป็นหนักพอที่จะถ่วงตัวให้ไปเกิดในนรก ซึ่งเหมือนศิลาที่เราโยนลงไปในน้ำ แม้จะก้อนเล็กก็จมเช่นเดียวกัน”
ม: “สมเหตุสมผลละ”
จบวัสสปัญหา