บทความ
 เคมี (Chemistry)
 สู่อิสรภาพทางการเงิน (To Financial Freedom)
 การคำนวณ และออกแบบ (Calculation and design)
 เทคโนโลยีการเกษตร (Agricultural Technology)
 เครื่องมือกล (Machine tools)
 Laws of Nature
 อวกาศ
 พลังงาน
 อิเล็กทรอนิกส์
 ทฤษฏีสัมพัทธภาพ
 ไครโอเจนิกส์
 เฮลิคอปเตอร์
 เกียร์อัตโนมัติ
 โทรศัพท์มือถือ
 ยาง
 รถไฟความเร็วสูง
 คลัตช์ และกระปุกเกียร์ธรรมดา
 เจ็ทแพ็ค
 แผ่นดินไหว
 คู่มือ ต้องรอด
 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
 ดาวเทียม
 เชื่อมโลหะใต้น้ำ
 กังหันลมผลิตไฟฟ้า
 เครื่องยนต์ดีเซล
 เครื่องยนต์เบนซิน
 คัมภีร์สงครามซุนวู ฉบับเข้าใจง่าย
 โลหะ
 ฟิสิกส์
 ปัญหาพระยามิลินท์
 ยานยนต์สมัยใหม่
 แมคาทรอนิกส์
 เครื่องกล 6 แกน
 เครื่องยนต์เจ็ท
 หุ่นยนต์
 สินค้า ผลงาน
 เขียนแบบ
 ออกแบบ คำนวณ
 วางโครงการ
 งานโลหะ
 อุปกรณ์
 เครื่องกล
วันนี้ 907
เมื่อวาน 984
สัปดาห์นี้ 11,936
สัปดาห์ก่อน 29,853
เดือนนี้ 59,093
เดือนก่อน 65,987
ทั้งหมด 4,874,345
  Your IP :52.14.110.171

ปัญหาที่ ๘ ปัญญามีที่อยู่ หรือไม่ (ปัญญาปฏิฏฐานปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ปัญญาอยู่ที่ตรงไหน”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ที่อยู่ของปัญญาไม่ปรากฏ”

 

      ม: “ถ้าเช่นนั้นปัญญามิไม่มีหรือ”

 

      น: “ลมมีหรือไม่มี และถ้ามี ที่อยู่ ๆ ที่ตรงไหน”

 

 

รูปเทียบปัญญาเปรียบกับลม

 

      ม: “ลมมีสิเธอ แต่ว่าที่อยู่ของลมไม่มีใครรู้”

 

      น: “ขอถวายพระพร ปัญญาก็เช่นนั้นเหมือนกัน คือ แม้ปัญญามีอยู่แต่ก็ไม่ปรากฏว่า ที่อยู่ๆ ที่ตรงไหน”

 

จบปัญญาปฏิฏฐานปัญหา

 

 

 

ปัญหาที่ ๙ การเวียนว่ายตายเกิดมีอาการเช่นไร (สังสารวัฏปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน สังสารวัฏได้แก่อะไร”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ได้แก่การเวียนเกิดเวียนตาย”

 

      ม: “เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง”

 

      น: “เหมือนชาวสวนผู้หนึ่งปลูกมะม่วงไว้ ครั้นเกิดผลก็เก็บมารับประทาน เสร็จแล้วเอาเมล็ดมะม่วงนั้นเพาะปลูกต่อไป ถึงคราวเกิดผลอีกก็เก็บมารับประทานแล้วปลูกใหม่ต่อ ๆ ไปอีก ขอถวายพระพร ธรรมดาของชาวสวนย่อมเป็นอยู่เช่นนี้มิใช่หรือ”

 

      ม: “ใช่สิเธอ ด้วยว่าปรกติของชาวสวนย่อมหมั่นเพาะ หมั่นปลูกพืชพันธุ์ หมุนเวียนอยู่เช่นนี้แล”

 

      น: “ขอถวายพระพร สังสารวัฏก็มีอาการหมุนเวียนเช่นนั้นเหมือนกัน คือ นับแต่เราเกิดมา เราก็ตั้งต้นเพาะความดีความชั่วเป็นตัวบุญบาปขึ้นเมื่อเราเพาะความดีความชั่วอันเป็นเหตุขึ้นแล้ว  เราก็ต้องรับผลของความดีความชั่วนั้น แต่จะช้าหรือเร็วสุดแต่อำนาจบุญบาป ผลนั้นแลจูงใจให้เราเพาะเหตุต่อไปอีก

 

      เหมือนผู้ที่ได้รับประทานผลมะม่วงแล้ว เพาะเมล็ดมะม่วงนั้นขึ้นใหม่ต่อไป ฉะนั้น ก็ขณะเมื่อเราเพาะเหตุและรับผลอยู่นี้ เราย่อมถูกความแก่ชราพยาธิพัดผันให้ใกล้ความตายเข้าไปอยู่ทุก ๆ ขณะครั้นเราถึงวาระแห่งความตาย ความดี ความชั่ว คือบุญบาปที่เราได้เพาะได้ทำไว้ในชาตินี้นั้น ก็เริ่มปั่นให้เราหมุนไปเกิดแก่เจ็บตายต่อ ๆ ไปอีก วนเวียนกันอยู่โดยทำนองนี้เรื่อยไปจนกว่าเราจะได้หยุดเพราะเหตุทั้ง ๒ ประการนั้นเสีย

 

      ขอถวายพระพร ก็เขตที่จะให้เราหยุดเพาะเหตุได้นั้นต้องต่อเมื่อเราได้พยายามทำความดีล้างความชั่วซึ่งเป็นสิ่งโสโครก จนไม่มีแปดเปื้อนหยุดกระทำการชำระล้างได้แล้วเมื่อนั้นเป็นอันว่า เราได้เขตหยุดเพาะเหตุคือความดีความชั่ว ไม่ต้องเวียนเกิดเวียนตายต่อไปอีก ขอถวายพระพร

 

      แต่ถ้าเรายังเพาะเหตุ คือยังต้องทำความดีล้างความชั่วอยู่ตราบใด เราก็ยังจะต้องเวียนเกิดเวียนตายอยู่ตราบนั้น

 

      ขอถวายพระพร สังสารวัฏได้แก่อาการหมุนเวียนดังทูลมาฉะนี้แล”

 

      ม: “เธอว่านี้ชอบแล้ว”

 

จบสังสารวัฏปัญหา

 

 

Share on Facebook
 
Google

WWW
http://www.thummech.com/
ฟังเพลงออนไลน์ คลิกเลย
 
Copyright © 2013-2015 Thummech All Rights Reserved. 
Powered by  ThaiWebPlus 
คนธรรมดามีความรู้คือคนฉลาด คนฉลาดมีความเข้าใจคือคนธรรมดา