ปัญหาที่ ๒ รู้ได้ไหมว่าชาติแรกสุด เกิดเป็นอะไร อยู่ที่ไหน (ปุริมโกฏิปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ก็คำที่เธอว่าเวลาเกิดดับของนามรูปที่ล่วงๆ มาแล้ว นานจนเบื้องต้นไม่ปรากฏนั้น หมายความว่า นานจนนามรูปที่แรกเกิดทีเดียวไม่ปรากฏกระนั้นหรือ”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ถูกแล้ว”
ม: “ไม่ปรากฏทั้งหมดเทียวหรือเธอ”
น: “ขอถวายพระพร บางอย่างก็ปรากฏ บางอย่างก็ไม่ปรากฏ”
ม: “อย่างไหนปรากฏ อย่างไหนไม่ปรากฏ”
น: “ขอถวายพระพร นามรูปที่สาวไปไม่ถึงว่า ชั้นเดิมเป็นอะไร อยู่ที่ไหน อย่างนี้ไม่ปรากฏ แต่อย่างที่เดิมไม่ปรากฏ มาปรากฏเป็นนามรูปขึ้นในระหว่างทาง แล้วก็หายไปอีก อย่างนี้ปรากฏ”
ม: “เธอจงเปรียบอย่างไม่ปรากฏให้ฟัง”
น: “เหมือนพืชพันธุ์ ที่เขาปลูกที่พื้นดิน ครั้นพืชพันธุ์ นั้นงอกงามผลิดอกออกใบ เขาก็เก็บผลเอาเมล็ดไปเพาะใหม่ต่อไปอีก โดยทำนองนี้เรื่อยๆ ไป
รูปเมล็ดพันธุ์พืช
รูปการปลูกเมล็ดพันธุ์พืช
ขอถวายพระพร เมื่อเวลาล่วงไปนานๆ จะรู้ได้หรือว่านั่นเป็นพืชพันธุ์เดิม”
ม: “รู้ไม่ได้”
น: “นั่นแลฉันใด อย่างไม่ปรากฏก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม้จะใช้ความรู้ให้สาวไปหาต้นเดิม ก็รู้ไม่ได้ว่านามรูปเดิมเป็นอย่างไรอยู่ที่ไหน”
ม: “ขอเธอจงเปรียบให้ฟังอีก”
รูปล้อเกวียน
พระนาคเสนจึงเขียนรูปล้อรถถวายทอดพระเนตร แล้วทูลถามว่า “ขณะเมื่อล้อนี้หมุนอยู่ พระองค์จะทรงทราบได้หรือว่า ซี่ไหนเป็นอันต้น”
ม: “รู้ไม่ได้สิเธอ”
น: “ขอถวายพระพร การจะกำหนดนามรูปที่ล่วงมาแล้วว่า แรกเกิดเป็นอะไร ก็รู้ไม่ได้ กำหนดไม่ได้เช่นนั้นเหมือนกัน เพราะเกิดแล้วดับ ดับแล้วก็เกิดใหม่ต่อไปอีก หมุนอยู่เช่นนี้เสมอมา ฉะนี้ จึงกล่าวได้ว่าเบื้องต้นไม่ปรากฏ”
ม: “เธอช่างฉลาดจริง ๆ”
จบปุริมโกฏิปัญหา
ปัญหาที่ ๓ ความต่อเนื่องของการเวียนว่าย ตายเกิด (โกฏิยาปุริมปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ก็แลคำที่เธอว่าอย่างที่เดิมไม่ปรากฏมาปรากฏเป็นนามรูปขึ้นในระหว่างทางแล้วก็หายไปอีก อย่างนี้การปรากฏนั้น ได้แก่เรา ๆ ซึ่งเดิมก็มีแต่บาปบุญติดตามมา แล้วมาเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้น ครั้นแล้วก็ตายทอดทิ้งร่างกายหายไป เช่นนี้ถูกหรือไม่”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ถูกแล้ว”
ม: “ก็เมื่อต้น และปลายไม่ปรากฏทั้งสองข้างเช่นนั้นแล้ว จะมาติดต่อกันได้หรือเธอ”
น: “ขอถวายพระพร ติดต่อกันได้”
ม: “เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง”
น: “เหมือนต้นไม้แรกปลูกก็ยังไม่มีใบไม่มีดอก ต่อมาพอเกิดต้น ก็เกิดมีใบมีดอกขึ้น ขอถวายพระพร ก็การที่ต้นไม้มีใบมีดอกในระหว่างกลางขึ้นได้นั้นเป็นเหตุเนื่องมาจากอะไร”
ม: “เป็นด้วยมีลำต้นอยู่ ใบและดอกนั้น ๆ จึงเกิดติดต่อขึ้นมาได้”
น: “ขอถวายพระพร ก็ในที่สุดเล่าใบและดอกเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร”
รูปใบไม้ร่วง
ม: “ก็ร่วงหล่นไปหมดสิ้นสิเธอ จะมีเหลืออยู่ก็แต่ต้นและกิ่งซึ่งถึงคราวก็เกิดใบเกิดดอกใหม่อีก”
น: “ขอถวายพระพร นามรูปก็เป็นเช่นเดียวกับใบไม้ ดอกไม้นั้นแล คือเดิมก็ไม่ปรากฏแต่เนื่องด้วยมีบุญบาป ซึ่งตนได้กระทำไว้ในก่อนเป็นเหตุอยู่ บุญบาปนั้นแลเป็นลำต้นให้เกิดมีนามรูปติดต่อขึ้นมาในระหว่างทางได้
ครั้นเกิดเป็นตัวตนขึ้นแล้ว ถึงวาระที่สุดก็ทอดทิ้งร่างกายสูญหายไป สิ่งที่ยังคงมีอยู่ก็คือบุญบาป ซึ่งจะให้เกิดนามรูปต่อไปอีกเท่านั้น”
ม: “อ้อ ติดต่อกันได้จริง”
จบโกฏิยาปุริมปัญหา