ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความพยายามที่จะทำให้การควบคุมอัตโนมัติมีความก้าวหน้าทั้งในด้านทฤษฏี และด้านปฏิบัติ พยายามที่จะออกแบบสร้างเครื่องบินที่สามารถ ทำการบินได้โดยอัตโนมัติ (Auto pilot), ระบบหาตำแหน่งในปืนอัตโนมัติ (Gun-positioning systems), ระบบควบคุมเรดาร์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำมาใช้ในระบบทางทหาร ให้มีความซับซ้อน และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เพื่อปกป้อง หรือสูญเสียให้น้อยที่สุดของชีวิตทหารในสนามรบ เทคโนโลยีก็ยังสามารถนำมาใช้ในการขยายอาณาเขตพื้นที่ควบคุมทางทหารที่มีอยู่ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
รูประบบปืนหาตำแหน่งอัตโนมัติติดตั้งอยู่บนเรือรบ
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
และอีกสิ่งที่นำมาใช้ในการควบคุมก็คือ มีการพัฒนาระบบข้อมูล และ เทคนิคโดเมนความถี่ (Frequency domain techniques) สิ่งเหล่านี้ซึ่งถูกนำมาใช้ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ยังมีการนำทฤษฏี การแปลงลาปลาซ (Laplace transform) ผนวกเพิ่มเข้ามาใช้งาน ที่เรียกว่า วิธีการระนาบเอส (S-plane methods) ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบระบบควบคุมที่ใช้ใน เส้นทางเดินของราก (Root locus)
การอัตโนมัติ เมื่อนำมาใช้ในงานผลิตเพื่อการค้า วัตถุประสงค์ในการนำมาใช้ก็คือเพื่อประหยัดต้นทุนการผลิต และต้องการให้มีการผลิตให้มีจำนวนมาก นี้จึงถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในทางอุตสาหกรรม
รูปลูกเบี้ยว
รูปตัวอย่างกลไกต่อโยง
ในปี พ.ศ. 2483 ถึงพ.ศ. 2503 ช่วงเวลานี้มีการประดิษฐ์ ลูกเบี้ยว (Cam), กลไกต่อโยง (Linkages) และการขับด้วยโซ่ ซึ่งกลายเป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทำให้เกิดการผลิต และการประกอบที่มีความแม่นยำสูง ยกตัวอย่างสมัยนั้นเช่น เครื่องทอผ้า และเครื่องพิมพ์, เครื่องผลิตกระดาษ และจักรเย็บผ้า การผลิตปริมาณมากที่มีความแม่นยำสูง สามารถทำให้หลายสิ่งเป็นจริงในช่วงเวลานี้
รูปตัวอย่างไมโครโปรเซสเซอร์
การพัฒนาของไมโครโปรเซสเซอร์ในปลายปี พ.ศ. 2503 นำไปสู่ปฐมบทของการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในระบบควบคุมของกระบวนการ และการออกแบบงาน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องมือกลเอ็นซี และระบบควบคุมอากาศยาน แต่กระบวนการผลิตก็ยังคงเป็นรูปแบบทางกลแบบปกติธรรมดา
รูปยานสปุตนิค 1
การอัตโนมัติ และระบบควบคุมถูกนำมาใช้ แต่ภายหลังจากการปล่อยยานสปุตนิค ซึ่งถือว่าการกำเนิดก้าวแรกของยุคอวกาศ อันเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ให้นานาประเทศเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของระบบกลไกการควบคุม
จรวด และยานสำรวจอวกาศมีการพัฒนาที่สลับซับซ้อน, ระบบควบคุมที่มีความแม่นยำสูงมาก นอกจากนี้ยังจำเป็นที่จะต้องลดมวลของดาวเทียมให้เหลือน้อยที่สุด (ซึ่งก็คือ การลดปริมาณของน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเป็นสำหรับภารกิจ) ขณะเดียวกันก็ให้การควบคุมอย่างแม่นยำถูกต้อง สิ่งเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าอย่างสำคัญในด้านของการควบคุมที่เหมาะสม
วิธีโดเมนเวลา (Time domain methods) ถูกพัฒนาโดย เลียพูนอฟว์ (Liapunov), ไมนอร์สกี (Minorsky) และคนอื่น ๆ รวมทั้งทฤษฏีการควบคุมที่เหมาะสมจากการพัฒนาของ แอลเอส พอนทรีกิน (L.S. Pontryagin) จากอดีตสหภาพโซเวียต และอาร์ เบลแมน (R. Bellman) จากสหรัฐอเมริกา ที่จับคู่กันจนเข้ากันได้ดี ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีความพร้อมในการทำงานด้วยความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้น และได้ทำการเขียนโปรแกรมภาษาใหม่สำหรับงานทางด้านวิทยาศาสตร์
รูปตัวอย่างอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ
ความก้าวหน้าในการผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ (Semiconductor) และวงจรรวม (Integrated Circuits: I.C.) ทำให้เกิดการพัฒนาของผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในการประสานงานร่วมกันในทางกลไก และอิเล็กทรอนิกส์ของระบบ และทำให้เกิดการทำงานร่วมกันของสองหน้าที่
คำว่าแมคทรอนิกส์ถูกกล่าวครั้งแรกโดย บริษัท ไฟฟ้า ยาซาคาว่า (Yasakawa Electric) ในปี พ.ศ. 2512 แต่มีการแพร่หลายของคำนี้ในภายหลัง และถูกนำไปจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2525
ในตอนแรก แมคาทรอนิกส์หมายถึงระบบ ที่เป็นระบบเครื่องกล และไฟฟ้าเท่านั้น ไม่มีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น ระบบประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ, เครื่องจำหน่ายสินค้าแบบหยอดเหรียญ (Vending machines) และลิฟต์
รูปประตูเปิด /ปิด อัตโนมัติ
รูปตัวอย่างเครื่องจำหน่ายสินค้าแบบหยอดเหรียญ
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
“จงชนะความชั่ว ด้วยความดี”
Overcome evil by virtue.
พุทธพจน์ / Sayings of the Buddha