5. ความถูกต้อง และแม่นยำ ของกลไกหกแกนจะถูกวัดด้วยปริมาตร แรงกระทำใด ๆ ที่ส่งผ่านไม่ว่าจะเป็นแรงดึง, แรงอัด หรือแรงดัดที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเสริมความถูกต้องแม่นยำในการใช้เครื่องกล มีการจัดเรียงสตรัดให้ขนาน เพื่อชดเชยกับมีความเฉลี่ยข้อผิดพลาด กลไกหกแกนมีความเบากว่าเครื่องกลธรรมดา เนื่องจากแรงเสียดทานจากการเคลื่อนที่แบบสไลด์สามารถขจัดได้อย่างแท้จริงในเครื่องกลหกแกน และมีการสะท้อนกลับน้อยมากบนแกนป้อนกลับ ดังนั้น ทำให้มันมีการเคลื่อนที่ได้เงียบขึ้น ทำให้การควบคุมการทำงานของแท่งแกนสตรัดมีความผิดพลาดได้เพียง 2.5mm (ไมครอน) โดยมีการควบคุมการทำงานด้วยซอฟแวร์ที่มีความซับซ้อน; อย่างไรก็ดี กลไกหกแกนบางรุ่นก็สามารถให้ความละเอียดเล็กกว่าขนาดไมครอน
6. มีการประกอบติดตั้งเป็นพิเศษ โดยมุ่งเน้นแรงทั้งหมดของกระบวนการทำงานของเครื่องจักรกลภายในโครงกลไกหกแกน ข้อดีที่มีความสำคัญคือได้รับการออกแบบให้มีการทำงานเป็นพิเศษสำหรับการทำงานขั้นพื้นฐาน และการติดตั้งพื้นฐานจะแตกต่างจากเครื่องมือกลแบบดั้งเดิม นั่นก็หมายถึงต้องมีค่าใช้จ่ายที่มากไปด้วย กลไกหกแกนจะมีความเป็นอิสระเป็นพื้นฐานในการทำงาน เมื่อมีการสร้างกลไกหกแกนแบบพิเศษแบบเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ได้ สามารถใช้เครนเพื่อยกกลไกหกแกนในระหว่างการทำงานของเครื่องกล ซึ่งทำให้กลไกหกแกนสามารถนำไปทำงานบนเรือเดินทะเล, วางตรงชายฝั่ง หรือ ห้อยลงมาจากเพดาน เมื่อทำการติดตั้งดี ๆ จะไม่สูญเสียความแม่นยำของประสิทธิภาพการทำงาน
รูปเครื่องกลหกแกนขนาดเล็ก
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
-
ความง่าย (Simplicity) ศักยภาพอื่น ๆ ของกลไกหกแกนก็คือ การใช้งานง่าย และมีความเบา ชิ้นส่วนประกอบเป็นเครื่องกลจะมีน้อยกว่า เครื่องกลที่ทำแบบดั้งเดิม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าชิ้นส่วนของกลไกหกแกนมีประมาณ 300 ชิ้น เมื่อเปรียบเทียบกับในเครื่องกลแบบธรรมดาจะมีประมาณ 1,000 ชิ้น ส่วนลักษณะสำคัญอื่น ๆ ก็คือการสำเนา และการผลิตชิ้นงาน จะทำได้ง่ายกว่า และใช้เวลาผลิตน้อยกว่า
-
ความสามารถในพกพา (Portability) กลไกหกแกนลักษณะพิเศษคือสามารถถอดประกอบ และพกพาของมันได้ เช่น นำมันไปติดตั้งเป็นเครื่องกลที่สามารถทำงานในงานในแหล่งน้ำมัน (Oil fields) ได้ ซึ่งนอกเหนือไปจากอยู่ในโรงงานผลิต
รูปเครื่องกลหกแกน HR2-SS แกนหมุน
-
อัตราส่วนของแรง กับน้ำหนักมีค่าที่สูง หมายถึง รับโหลดที่สูง (กำลังงาน/น้ำหนัก) ซึ่งเป็นลักษณะที่มีความสำคัญอย่างมากของกลไกหกแกน แรงตัดเฉือนกระทำบนแท่นเคลื่อนที่ จะถูกกระจายแรงออกไปเท่า ๆ กันตามแท่งสตรัดทั้งหก ซึ่งก็หมายถึงแต่ละสตรัดจะรับแรงได้ 1/6 ต่อแรงกระทำที่ฐานเคลื่อนที่ได้รับมาโดยรวม นอกจากนี้ สตรัดจะเกิดความเค้นตามแนวยาว ไม่ว่าจะเป็นแรงดึง หรือแรงอัด ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่พวกมันจะต้องออกแบบให้ใหญ่โต และขนาดที่แข็งแรงเกินไป เหมือนกับเครื่องกลแบบดั้งเดิม
รูปแบบที่เขียนโดยคอมพิวเตอร์ของกลไกหกแกน
-
ความสามารถวัดได้ (Scalability) กลไกหกแกนสามารถวัดขนาดการเคลื่อนที่ได้ทั้งขึ้น และลง เพื่อสามารถสั่งการปรับตัวได้เพื่อการทำงานในชิ้นงานที่มีขนาดเล็ก สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ในงานด้านการกัด, การเจาะ, การกลึง, การเชื่อม, การทำสี, การตรวจสอบ และการประกอบ ตั้งแต่งานที่มีขนาดเล็กเช่นอุตสาหกรรมด้านผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ ไปจนถึงงานโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่
รูปหัวกัดของกลไกหกแกน
-
ความคล่องตัว (Dexterity) กลไกหกแกนมีการทำงานที่ซับซ้อน ตั้งอยู่บนฐานที่สามารถให้การเคลื่อนที่รวดเร็วของสตรัดระหว่างการยืดขยาย และการหดอัดสูงสุด และมีระดับของมุมที่เป็นอิสระ ความคล่องตัวส่วนสำคัญยื่นออกไปกับการเพิ่มเติมของหน่วยเชื่อมต่อแกนสองแกน
รูปเครื่องกลหกแกนสุญญากาศ HR2
-
มีระบบควบคุมที่ดี มีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และซอฟแวร์ในทางวิศวกรรม ในข้อมูลทางด้านซอฟแวร์ จะมีกระบวนการคำนวณที่สลับซับซ้อน ด้วยการคำนวณชุดคำสั่งให้สามารถทำงานตามขั้นตอนที่จำเป็นต่อคำสั่งเคลื่อนที่แท่งสตรัด กระบวนการคำนวณในคอมพิวเตอร์ ตัวอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อาจจะต้องใช้ความสามารถของซีพียูระดับสูงในการประมวลผลที่มีความรวดเร็ว นอกจากนี้ ในซอฟแวร์ควรที่จะสามารถชดเชยข้อมูล, แสดงความร้อนที่คลาดเคลื่อน และอื่น ๆ
13. ต้นทุน (Cost) หลังจากที่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนเครื่องมือกลแบบธรรมดา ให้กลายเป็นการใช้กลไกหกแกน การสร้างกลไกหกแกนจะมีราคาที่สูง แต่คาดว่าอนาคตอันใกล้ราคาก็จะลดลงถึง 20% หรือมากกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมือกลซีเอ็นซี
ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าพวกมันมีความเรียบง่าย ซึ่งง่ายต่อการออกแบบ และการประกอบ การประกอบที่รวดเร็ว นั่นหมายความว่าสินค้าคงคลังก็จะลดลงด้วย, ใช้พื้นที่น้อย และต้นทุนคนงานต่ำ สตรัดหกตัวเหมือนก่อสร้างอาคาร ในการจัดเตรียม, การประกอบ และการซ่อมบำรุงง่าย
ส่งผลให้ลดต้นทุนการบำรุงรักษา การเปลี่ยนอะไหล่ที่เสีย หรือสึกหรอง่าย การควบคุม และการสอบเทียบมีความสะดวกด้วยซอฟแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ การใช้พลังงานของกลไกหกแกนจะใช้น้อยกว่าเครื่องมือกลแบบธรรมดา พวกมันมีความสามารถที่จะนำไปปรับใช้งานกับระบบการผลิตแบบยืดหยุ่น (Flexible Manufacturing System: FMS) ดูที่รูปด้านล่าง
รูปตัวอย่างการทำงานการผลิตด้วยระบบยืดหยุ่น สามารถนำกลไกหกแกนมาใช้ร่วมได้
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
“แม้บางครั้งชีวิต อาจจะไม่สว่างไสว
แต่ถ้ามีความหวัง ก็ทำให้ชีวิต ไม่มืดมน”
|