แล้วบ่อยครั้งจะพบปฏิกิริยาออกซิเดชันในชิ้นงานที่เกิดการเสียดสีกันของเศษ ก็ยิ่งต้องเพิ่มแรงเพื่อให้เอาชนะการเสียดสีที่รางสไลด์ การที่จะทำให้มันเหลือน้อยลงสามารถทำได้ดังนี้
1. ลดพื้นผิวที่ขรุขระที่ส่วนของสไลด์ให้เหลือน้อยลง ให้มากที่สุด
2. เพิ่มค่าความแข็งให้แก่พื้นผิวสไลด์
3. กำจัดเศษตกลงไปในรางสไลด์ ที่ทำให้เกิดความเสียดทานที่เพิ่มขี้นจากระบบรางสไลด์
4. ลดแรงกดดันที่กระทำบนพื้นผิวราง
รางสไลด์เป็นครบครับกับอุปกรณ์สำหรับการปรับในขั้นต้น และชดเชยไปเป็นช่วง ๆ ระยะทำงาน ระยะการปรับเป็นสำเร็จโดยการใช้แผ่นโลหะเล็กยาว ซึ่งแสดงในรูปด้านล่าง
รูปการชดเชยการสึกหรอ (Wear) ในรางสไลด์ a) แบบแบนราบ และb) ร่างหางเหยี่ยว F เป็นแรงกระทำด้านข้างที่กระทำบนรางส่ง
ที่มา : data:image/png;
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
สนใจหนังสือ และความรู้ของผู้เขียน
เรื่องอื่น ๆ มีทั้งโหลดได้ฟรี และราคาถูก นอกเหนือจากนี้
คลิก
มีหนังสือ เครื่องมือกล (Machine tools) Vol. 1
ทำเป็นเล่ม อีบุ๊ค เพื่อสนับสนุนเว็บไซต์
รูปหน้าปกหนังสือ
สามารถโหลดอ่านตัวอย่างก่อนซื้อได้เลยครับ ฟรี
หากผู้อ่านสนใจคลิกที่ชื่อสำนักพิมพ์
meb Se-ed
รางสไลด์เป็นชิ้นส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องมือกล หรือกลไกที่ต้องการความแน่นหนาของฐานเครื่องในขณะทำงาน โดยมีการยึดด้วยสลักเกลียว หรือการเชื่อม
การเตรียมการอันดับแรก ฐาน และรางสไลด์ทำจากวัสดุที่เหมือนกัน หลังจากนั้นก็มีการนำไปทำให้เกิดความแข็งขึ้น อาจเป็นการเสริมวัสดุอ่อนบางอย่างให้กับพื้นผิวราง ในความแน่นหนาของรางสไลด์จะ แยกเหล็กกล้ารางสไลด์ออกจากกัน เป็นการทำให้แน่นหนาเพื่อเป็นฐานของเหล็กหล่อ ซึ่งแสดงในรูปด้านล่าง
รูป a) รางสไลด์แบบกลไกที่แน่นหนา และ b) รางสไลด์แบบเชื่อม
ที่มา : data:image/png;
ในรางสไลด์พลาสติก จะติดแน่นด้วยแผ่นเพลทไฟเบอร์ของวัสดุเรซินน้ำมันดิน (Phenolic resin) ผลิตออกมาเป็นแผ่น
รูปตัวอย่างสารเรซินน้ำมันดิน
ที่มา : https://5.imimg.com
ใส่ไปยังด้านหนึ่งของพื้นผิวสไลด์ รางสไลด์เหล่านี้ช่วยลดแรงเสียดทาน และผลของการแทงไถล พวกมันลดอันตรายจากการที่การเสียดสี แล้วมีการใส่น้ำมันหล่อลื่นไม่เพียงพอ และยังทำให้เกิดการสั่นสะเทือนน้อยที่สุด
การออกแบบ และการเตรียมการสร้างรางสไลด์ต้องกีดกั้นเศษ และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ ซึ่งทำให้ดีขึ้นอัตราของการถู วิธีการของการป้องกันรางสไลด์ปกป้องจากเหตุการณ์ภายนอกประกอบด้วย
1. ความยาวส่วนยื่นของชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่การใช้ครอบคลุมเพลทนั่นป้องกันรางสไลด์
2. ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าสิ่งครอบคลุมสายพาน หรือแผ่นเพลทกล้องส่องทางไกล (Telescopic plate) นั่นรอบ ๆ รางสไลด์ และซีลพวกมันเหล่านั้นจากวัสดุภายนอก
2.3.2 รางสไลด์ลูกกลิ้งเสียดทาน
ในรางสไลด์แบบลูกกลิ้งเสียดทาน (Rolling friction guideways) แบบลูกกลิ้ง, ลูกปืนเข็ม หรือเม็ดกลม เป็นการใส่ไปในระหว่างชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนที่เพื่อให้มีความต้านทานต่อแรงเสียดทานให้น้อยที่สุด ซึ่งช่วยรักษาค่าคงที่ไม่มีขีดจำกัดของความเร็วในการเคลื่อนที่
รูปตัวอย่างรางสไลด์แบบลูกปืนทรงกระบอก
ที่มา : https://img.directindustry.com
รูปตัวอย่างรางสไลด์แบบลูกปืนกลม
ที่มา : http://www.hanguogongkong.com
รางสไลด์แบบลูกกลิ้งมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในเครื่องมือกลประเภทควบคุมเชิงตัวเลข และเครื่องมือกลขนาดกลางในซึ่งตั้งค่าได้อย่างละเอียดแน่นอน การผลิตมีราคาสูงมาก โครงสร้างมีความยากที่เข้าใจ และมีอายุการใช้งานที่สั้นของส่วนประกอบลูกกลิ้งสร้างปัญหา รางสไลด์แบบลูกกลิ้งเสียดทานเป็นชนิดปิด หรือเปิดอย่างใดอย่างหนึ่ง ชนิดเปิดดูที่รูปด้านล่าง
แบบวี-แบน
ที่มา : https://www.anaheimautomation.com
เป็นการใช้เมื่อแรงกระทำลงล่าง ซึ่งการทำนี้มันจะปรับด้วยตัวของมันเองเมื่อมันอยู่บนรางสไลด์ ส่วนชนิดปิด ในการชดเชยสวมต้องการการปรับส่วนประกอบ สำหรับระยะชักที่ยาว ส่วนประกอบ
ส่วนประกอบรางสไลด์ลูกกลิ้งที่หมุนวน (Recirculating rolling) แสดงในรูปด้านล่าง หรือเป็นลูกปืนเม็ดกลม หรือโรลเลอร์ตลับลูกปืน
รูปรางสไลด์ลูกกลิ้งเสียดทานแบบลูกกลิ้งไหลวน
ที่มา : https://file.scirp.org
รูปด้านล่างเป็นการใช้ลูกปืนกลมวิ่งเป็นรางสไลด์ตามแนวยาว
รูปร่องรางตลับลูกปืนเม็ดกลม
ที่มา : https://www.pbclinear.com
รูปร่องรางตลับลูกปืนเม็ดกลม
ที่มา : https://sc01.alicdn.com
รางสไลด์ลูกกลิ้งเสียดทานแบบกลมนำมาใช้ประโยชน์ในเครื่องกลึงแนวดิ่งรอบสูง ขนาด และการกระจายของแรงในอุปกรณ์ลูกกลิ้ง และความเบี่ยงเบนของรางสไลด์มีผลทำให้
1. ขนาด, การแผ่กระจาย และชนิดของแรงกระทำ
2. ความแข็งของส่วนลูกกลิ้ง
3. การผลิตที่ผิดพลาดของส่วนลูกกลิ้ง
4. รูปแบบที่ผิดพลาดของรางสไลด์
5. ขนาดของแรงก่อนกระทำ
6. ความแข็งของโต๊ะ, ฐาน, ฟิกเจอร์ และชิ้นงาน
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
“เมื่อความสำเร็จ
ไม่มาหาคุณ
คุณก็ต้องออกไป
ตามหามัน
Success doesn’t come to you
you go to it.”
Marva Collins
<หน้าที่แล้ว สารบัญ