ดาวสีฟ้าจะมีอุณหภูมิสีดำประมาณ 20,000K และจะมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณสิบเท่า ตัวอย่างของดาวดวงนี้คือ ดาวรวงข้าว หรือสไปก้า (Spica star: เป็นดาวฤกษ์ที่มีความสว่างมาก หาได้ง่าย อยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว (Virgo) ดาวรวงข้าวมีชื่อว่า Spica มาจากภาษาลาติน แปลว่า รวงข้าวที่กำกับไว้ในมือซ้าย ดาวรวงข้าวเป็นดาวยักษ์เล็กในกลุ่มดาวหญิงสาว ดาวรวงข้าวเป็นดาวแปรแสงในอันดับความสว่าง 0.95-1.04)
รูป ดาวรวงข้าว
ที่มา : https://www.astronomytrek.com
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
สนใจหนังสือ และความรู้ของผู้เขียน
เรื่องอื่น ๆ มีทั้งโหลดได้ฟรี และราคาถูก นอกเหนือจากนี้
คลิก
มีหนังสือ ดวงดาว และอวกาศ (Stars & Space) 1
ทำเป็นเล่ม อีบุ๊ค เพื่อสนับสนุนเว็บไซต์
รูปหน้าปกหนังสือ
สามารถโหลดอ่านตัวอย่างก่อนซื้อได้เลยครับ ฟรี
หากผู้อ่านสนใจ
คลิก
ซึ่งมีอุณหภูมิความมืดของวัตถุดำประมาณ 23,000 K
ดาวแดงมีความมืดของวัตถุดำประมาณ 3,000K ตัวอย่างของดาวดวงนี้คือ ดาวแอนทาเรส (Antares star: เป็นดาวฤกษ์ที่มีความสว่างถึงห้าสิบ ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้ายามราตรี และเป็นวัตถุที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวราศีพิจิก มีสีแดงอย่างเด่นชัดเมื่อมองด้วยตาเปล่า Antares เป็นดาวแปรปรวนที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งมีความสว่างตั้งแต่ระดับความชัด +0.6 ถึง +1.6 มักเรียกกันว่า "หัวใจของแมงป่อง")
รูป ดาวแอนทาเรส
ที่มา : https://i.ytimg.com
ซึ่งเป็นดาวยักษ์สีแดง (Red supergiant) ที่ซึ่งดวงอาทิตย์ของเรา จะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ในอนาคตอันไกล
หนึ่งความคิดที่น่าสนใจ คือว่า โลกของเราถูกออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบในตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสม โลกมีบรรยากาศปกคลุม เพื่อให้ดวงอาทิตย์ที่ปล่อยแสงออกมา สามารถเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลก ลดการแพร่กระจายรังสีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต มีเพียงแสงที่ผ่านชั้นบรรยากาศของเราเพื่อให้ความร้อนแก่พื้นดิน ซึ่งจากนั้นก็เกิดการพาความร้อนภายในโลก จนเกิดสภาพอากาศต่าง ๆ บนผืนโลก
ถ้าหากสมมติว่า เรามีดาวรวงข้าวเป็นดวงอาทิตย์ของเรา พลังงานส่วนใหญ่จะถูกดูดกลืนโดยชั้นบรรยากาศ และพื้นผิวดาวโลกจะมืด อย่างน้อยก็ในส่วนของสเปกตรัมของแสงที่มองเห็นได้
ในทางกลับกัน ถ้าดวงอาทิตย์เป็นดาวยักษ์สีแดง ถึงเวลานั้น โลกจะหาย และไม่มีอยู่อีกต่อไป นอกจากจะเกิดเป็นรูปร่างที่เปลี่ยนไปตามสเปกตรัม
ความเข้ม (หรือพลังงานทั้งหมดที่แผ่ออกมา ต่อหน่วยพื้นที่ต่อหน่วยเวลา) ของการแผ่รังสีก็เพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิ ความสัมพันธ์ระหว่างกำลังงาน กับอุณหภูมิ เป็นที่รู้จักกันใน กฏสเตฟาน – โบลซ์มานน์ (Stefan-Boltzmann law)
j = sT4
กำหนดให้ j = กำลังงานโดยรวม
T = อุณหภูมิในหน่วยเคลวิน
s = สัดส่วนคงที่
ไม่จำเป็นต้องมีค่าที่แน่นอนที่นี่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการรายละเอียด ค่าของ s ก็คือ
5.64 ´ 10-8 W m-2 K-4
ซึ่งหมายความว่า ดาวรวงข้าว ไม่เพียงแต่เปล่งรังสีอัลตราไวโอเลตเท่านั้น แต่มันยังสร้างกำลังงานถึง (23/6)4 หรือมากกว่ากำลังงานของดวงอาทิตย์เกือบ 216 เท่า (ถ้าสมมติว่าทั้งสองมีขนาดเท่ากัน) ดังนั้นดาวเคราะห์ใด ๆ ที่มีค่าประมาณ 1 AU รอบดาวฤกษ์ดังกล่าวน่าจะเป็นดาวที่มีค่าพลังงานมาก
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
“ชีวิต
ยังต้องเจออะไรอีกมากมาย
บอกกับตัวเองไว้เสมอว่า
อย่ายอมแพ้”
@ สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก
<หน้าที่แล้ว สารบัญ หน้าต่อไป>