4.1 ภาพรวมของการดูแลสุขภาพ
การที่คนเราจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้นั้น สิ่งจำเป็นสำหรับการมีชีวิตขั้นพื้นฐานก็คือการได้รับน้ำ และอาหารที่เพียงพอ และถูกสุขลักษณะ
4.1.1 น้ำ (Water)
รูปน้ำดื่ม
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
ร่างกายของคนเราจะสูญเสียน้ำ ในช่วงเวลาปกติผ่านทาง เหงื่อ, น้ำปัสสาวะ และการขับถ่าย ในระหว่างการออกแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน ร่างกายของมนุษย์จะเกิดการสูญเสียน้ำออกจากร่างกาย โดยปกติที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส (68 องศาฟาเรนไฮต์) ผู้ใหญ่จะสูญเสียน้ำ โดยเฉลี่ยประมาณ 2 – 3 ลิตรต่อวัน จึงมีความจำเป็นจะต้องดื่มน้ำเพื่อมาทดแทน
ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายปัจจัย ที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การอยู่ในอากาศที่ร้อน, การอยู่ในอากาศที่หนาวเย็น, การทำกิจกรรมที่รุนแรง, อยู่ในที่สูง
การเผาผลาญในร่างกายที่สูง และการเจ็บป่วย อาจเป็นสาเหตุให้ร่างกายของคนเราสูญเสียน้ำได้มากยิ่งขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป
ผลจากการขาดน้ำ (Dehydration) เกิดจากการที่ดื่มน้ำเข้าไปทดแทนไม่เพียงพอกับน้ำที่สูญเสียไป มันจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายลดลง และยิ่งมีการบาดเจ็บด้วยแล้ว ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการช็อกอย่างรุนแรง ลองมาดูผลที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียน้ำ
o ถ้ามีการสูญเสียน้ำในร่างกายไปร้อยละ 5 จะทำให้เกิดการกระหายน้ำ (Thirst), หงุดหงิด (Irritability), คลื่นไส้ (Nausea) และอ่อนแรง (Weakness)
o ถ้ามีการสูญเสียน้ำในร่างกายไปร้อยละ 10 จะทำให้เกิดการ วิงเวียนศีรษะ (Dizzines), ปวดศีรษะ (Headache), ไม่สามารถเดินได้ และมีความรู้สึกเสียวซ่า (Tingling sensation) ในแขนขา
o ถ้ามีการสูญเสียน้ำในร่างกายไปร้อยละ 15 จะทำให้เกิด ตาพล่ามัว (Dim vision), เจ็บในเวลาปัสสาวะ, ลิ้นบวม (Swollen tongue), หูหนวก (Deafness) และมีอาการชาที่ผิวหนัง
o ถ้ามีการสูญเสียน้ำในร่างกายเกินกว่าร้อยละ 15 อาจจะทำเสียชีวิตได้
รูปสภาพของผู้ที่ขาดน้ำ
สัญญาณที่บอกให้เรารู้ว่า เรากำลังขาดน้ำในร่างกาย จะเกิดอาการดังนี้
§ ปัสสาวะมีสีเข้ม มีกลิ่นที่แรงมาก
§ ปัสสาวะออกมาน้อย
§ ตาดำจมลงไป (Dark, sunken eyes)
§ เกิดความเหนื่อยล้า
§ อารมณ์แปรปรวน
§ ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น
§ เล็บซีดไม่ค่อยมีสีเลือด
§ เส้นตรงกลางลิ้นบุ๋มลึกลงไป
§ เริ่มมีความกระหายน้ำ เมื่อเริ่มขาดน้ำในร่างกายไปร้อยละ 2 โดยเป็นไปตามระยะเวลาที่ขาดน้ำ
รูปลองทดสอบว่าเราขาดน้ำเบื้องต้น จากการหยิกผิวหนัง และปล่อยดูการคืนตัวของผิว
จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องดื่มน้ำทดแทนน้ำที่สูญเสียไป และพยายามรักษาน้ำในร่างกายให้มีความสมดุล ซึ่งในสถานการณ์ที่จะต้องเอาตัวรอดอาจจะเป็นเรื่องยาก และการกระหายน้ำในช่วงเวลานั้น อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ยังไม่ใช่สัญญาณที่จะบ่งบอกว่าคุณต้องการน้ำมากเพียงใดจนเวลาผ่านไปซักระยะหนึ่งถึงจะเห็นอาการที่เด่นชัด
คนส่วนใหญ่ไม่สามารถดื่มน้ำได้ทีเดียวมากกว่า 1 ลิตร เพราะมันจะจุก หรือดื่มไม่ทันอาจสำลัก ดังนั้น แม้เวลาที่ไม่กระหายน้ำ ก็ควรที่จะพยายามดื่มน้ำทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอในแต่ละชั่วโมงเพื่อป้องกันการขาดน้ำ
ถ้ามนุษย์เราอยู่ภายใต้ความเครียดที่เกิดขึ้นไม่ว่าทางกาย หรือจิตใจ หรืออยู่ภายใต้สภาวะที่มีความรุนแรง ควรเพิ่มการดื่มน้ำให้มากขึ้น การดื่มน้ำที่เพียงพอจะทำให้ร่างกายได้ขับปัสสาวะออก ให้ได้อย่างน้อย 0.5 ลิตร ภายใน 24 ชั่วโมง มันจะช่วยบรรเทาความเครียดนั้นได้
รูปการดื่มน้ำ
ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยได้รับประทานอาหาร หรือมีอาหารทานน้อยกว่าปกติ ควรดื่มน้ำ 6 – 8 ลิตรต่อวัน แล้วในสภาพอากาศที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศที่ร้อน และแห้งแล้ง ทั่วไปแล้วมนุษย์เราจะสูญเสียน้ำได้ถึง 2.5 – 3.5 ลิตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ในสภาพอากาศแบบนี้ ควรที่จะเพิ่มการดื่มน้ำให้มากถึง 14 – 30 ลิตรต่อวันเพื่อทดแทน และเก็บน้ำไว้ในร่างกายเพื่อป้องกันการขาดน้ำ
นอกจากที่จะมีการสูญเสียน้ำแล้ว ร่างกายของคนเรายังมีการสูญเสียของเกลือแร่ หรืออิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) (เกลือในร่างกาย) ในสถานการณ์ที่ไม่มีอาหารให้ทาน มันยังคงรักษาระดับเกลือแร่ในร่างกายไว้ได้
รูปตัวอย่างเครื่องดื่มเกลือแร่
แต่ในสถานการณ์ที่รุนแรง หรือเจ็บป่วย อาจจะขาดแคลนขึ้นในร่างกาย จำเป็นที่จะต้องหามาเสริมให้กับร่างกาย โดยการดื่มจะเกลือแร่ ควรมีส่วนผสมของเกลือ 0.25 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 ลิตร ร่างกายก็จะไม่ขาดอิเล็กโทรไลต์ แล้วพร้อมที่จะดูดซึมเกลือแร่แล้วสามารถนำไปใช้งานได้
รูปน้ำผสมเกลือ เพื่อทดแทนเกลือในร่างกายที่ขาดไป
เมื่อเกิดปัญหาในสถานการณ์ความอยู่รอด ควรที่จะป้องกันการสูญเสียของน้ำให้มากที่สุด ด้านล่างต่อไปนี้เป็นแนวทางที่จะทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ
Ø ดื่มน้ำเสมอเมื่อรับประทานอาหาร น้ำที่ใช้บริโภคจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการย่อย และถ้าดื่มน้ำไม่เพียงพอสามารถนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ
Ø ปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ที่พบ (Acclimatize) จะทำให้ร่างกายสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความจำเป็นที่จะฝึกฝนให้เกิดการปรับตัว
Ø อย่าให้เสียเหงื่อมากเกินไป จำกัดการเสียเหงื่อ ถ้ามีกิจกรรม ก็ควรดื่มน้ำทดแทน
Ø ปันส่วนน้ำไว้ จนกว่าจะหาแหล่งน้ำที่เหมาะสม พยายามปันส่วนน้ำอย่างมีเหตุผล เพื่อป้องกันการขาดน้ำอย่างรวดเร็ว ควรบริโภคน้ำผสมน้ำตาล 0.5 ลิตร (ประมาณ 2 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ลิตร) ต่อวัน ก็จะเพียงพอที่จะป้องกันการขาดน้ำอย่างรุนแรง ควรดื่มต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จะทำให้น้ำในร่างกายของคุณสูญเสียน้ำในระดับที่ต่ำ จากการทำตัวเองให้รอด และจากความร้อนที่ทำให้สูญเสียน้ำ
สามารถประเมินการสูญเสียน้ำได้จากอัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจได้ ดูได้จากแนวทางด้านล่างนี้
v ถ้าสามารถจับการเต้นของชีพจรได้ต่ำกว่า 100 ครั้งต่อนาที และอัตราการหายใจ 12 – 20 ครั้งต่อนาที อาจสูญเสียน้ำไปจากร่างกายไปประมาณ 0.75 ลิตร
v ถ้าสามารถจับการเต้นของชีพจรได้ต่ำกว่า 100 – 120 ครั้งต่อนาที และอัตราการหายใจ 20 – 30 ครั้งต่อนาที อาจสูญเสียน้ำไปจากร่างกายไปประมาณ 0.75 – 1.5 ลิตร
v ถ้าสามารถจับการเต้นของชีพจรได้ต่ำกว่า 120 – 140 ครั้งต่อนาที และอัตราการหายใจ 30 – 40 ครั้งต่อนาที อาจสูญเสียน้ำไปจากร่างกายไปประมาณ 0.75 – 1.5 ลิตร การเต้นของชีพจรจะสูง (ความดันเลือดค่อนข้างสูง) มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแล
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
“เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา
เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา
ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้”
ขงเบ้ง