5. ข้อดี และข้อด้อยของการเชื่อมใต้น้ำ
5.1 ข้อดีของการเชื่อมแห้ง
1) ความปลอดภัยของนักประดาน้ำ หรือช่างเชื่อม ที่ทำการเชื่อมในห้อง จะไม่ได้รับผลกระทบต่อกระแสน้ำมหาสมุทร และสัตว์ร้ายในน้ำ ความอบอุ่น ห้องที่แห้ง มีความสว่างดี และมีการ ควบคุมปรับสภาพระบบภายในห้อง (Environmental Control System: ECS)
รูปห้องเชื่อมแบบแห้งที่มีความปลอดภัยเพราะคนเข้าไปทำงานได้
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
รูปภายในห้องเชื่อมแบบแห้ง
2) การเชื่อมมีคุณภาพดีกว่า วิธีการนี้ สามารถให้ผลที่ได้จากการเชื่อมมีคุณภาพ ที่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับการเชื่อมบนพื้นดิน เพราะว่าน้ำจะยังไม่เข้าถึงจุดเชื่อมภายหลังที่เชื่อมเสร็จ และระดับไฮโดรเจนมีค่าต่ำมากกว่าเมื่อเทียบกับการเชื่อมแบบเปียก
3) สามารถดูแลพื้นผิวชิ้นงานได้ดีกว่า ในการเตรียมรอยต่อเชื่อม, การตั้งศูนย์ (Alignment) ของท่อ ฯลฯ สามารถตรวจสอบให้เห็นได้ง่าย
รูปตัวอย่างการตั้งศูนย์ท่อ
4) การทดสอบแบบไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing: NDT) ก็ทำได้อย่างสะดวกเช่นกัน โดยสามารถนำมาทำในสภาพที่แห้งได้
รูปการทดสอบรอยเชื่อมโครงสร้างใต้น้ำแบบไม่ทำลาย ในรูปเป็นการทดสอบแบบเปียก
5.2 ข้อเสียของการเชื่อมแห้ง
1) ต้องใช้พื้นที่มาก รวมทั้งมีอุปกรณ์ที่ซับซ้อน และทั้งอุปกรณ์ช่วยในการเชื่อมบนพื้นผิว ห้องที่มีความซับซ้อนมาก
รูปห้องเชื่อมใต้น้ำเป็นอุปกรณ์สำคัญที่มีความซับซ้อน และค่าใช้จ่ายสูงมาก
2) ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมสูงมาก โดยจะขึ้นอยู่กับความลึกในการเชื่อมด้วย การทำงานในที่ลึกจะมีผลกระทบต่อห้องที่ใช้เชื่อม ที่ความลึกมากกว่า ต้องใช้แรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่าในการต้องการเชื่อมอาร์ค ค่าใช้จ่ายอาจมีมูลค่าถึง 3,000,000 บาทต่อหนึ่งจุดงานเลยทีเดียว
อีกอย่าง ห้องที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมถ้าลักษณะโครงสร้างงานเชื่อมไม่เหมือนกันก็ไม่สามารถนำมาใช้ต่อได้
6. ข้อดีและข้อเสียของการเชื่อมแบบเปียก
6.1 ข้อดีของการเชื่อมแบบเปียก
การเชื่อมใต้น้ำแบบเปียก มีการใช้งานมานานหลายปีเพื่อใช้ในการซ่อมแซมอุปกรณ์, เครื่องกล, โครงสร้างโลหะที่อยู่ในทะเล ประโยชน์ของการเชื่อมใต้น้ำมีดังนี้
1) มีความยืดหยุ่นสูงในการทำงาน สามารถเคลื่อนที่โยกย้ายในการทำงานได้ง่าย
รูปการเชื่อมใต้น้ำแบบเปียกที่สามารถเคลื่อนที่ไปเชื่อมที่จุดเสียหายต่าง ๆ ได้ง่าย
2) มีความสามารถรอบตัว ต้นทุนในการทำงานเชื่อมต่ำ เป็นที่น่าพอใจมาก
3) ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเชื่อมแบบแห้ง
4) การเชื่อมสามารถเข้าถึงจุดที่เป็นปัญหาของโครงสร้างใต้ทะเลได้ดีกว่า ขณะที่วิธีการอื่นทำได้ยาก
รูปช่างเชื่อมสามารถเข้าสู่จุดที่จะทำการเชื่อมได้ดีกว่า
5) ไม่มีห้องเชื่อม ทำให้ไม่เสียเวลาในการย้ายจุดเชื่อมมากนัก เครื่องเชื่อม และอุปกรณ์การเชื่อมหาได้ง่ายกว่าในการนำมาใช้ อุปกรณ์ที่ต้องการใช้เคลื่อนย้ายมีน้อย
6.2 ข้อเสียของการเชื่อมแบบเปียก
ถึงแม้ว่าการเชื่อมจะมีการนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่ ดังที่แสดงด้านล่าง
1) เกิดการชุบแข็งเร็วเกินไป (เพราะชิ้นงานจมอยู่ใต้น้ำ) ทำให้ชิ้นงานเชื่อมเกิด ความเค้นดึง (Tensile strength) เพิ่มขึ้น ความเค้นที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้ชิ้นงานลดความแข็งแกร่งลง, อาจเกิดรูพรุนแบบตามดได้ง่าย และอาจเกิดความเปราะของชิ้นงานขึ้น
2) เกิดการเปราะแตกของชิ้นงานเชื่อม สาเหตุเกิดจาก ผลของไฮโดรเจน (Hydrogen embrittlement) มีไฮโดรเจนจำนวนมากในบริเวณที่ทำการเชื่อม ทำให้เดือดเป็นไอ จนไฮโดรเจนแยกตัวออกจากน้ำ ในบริเวณที่เชื่อมไฮโดรเจนจะละลายในบริเวณที่ได้รับความร้อน (Heat Affected Zone: HAZ)
รูปตัวอย่างการเกิดการเปราะของชิ้นงานซึ่งเป็นผลของไฮโดรเจน
3) ทัศนวิสัยในการมองเห็นในน้ำขณะทำการเชื่อมไม่ค่อยดีนัก บางเวลาทำการเชื่อมไม่ได้ เช่น บริเวณที่น้ำขุ่นมาก หรือตอนกลางคืน
4) โครงสร้างที่เชื่อมใต้น้ำแบบเปียก การตรวจสอบการเชื่อมอาจจะทำได้ยากกว่าการเชื่อมบนพื้นดิน ความเชื่อมั่นความสมบูรณ์ของซึ่งการเชื่อมใต้น้ำอาจยากมากกว่า
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
“ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ให้ลงมือแก้ไขทันที”