บทที่ ๑๒ โจมตีด้วยไฟ
“ใช้ไฟโจมตี มีอยู่ ๕ รูปแบบ คือ เผาข้าศึก เผาคลังเสบียง เผาอาวุธยุทโธปกรณ์ เผาคลังสรรพาวุธ และเผาทำลายเส้นทางลำเลียงเสบียง
การโจมตีต้องมีวิธีการ และหลักการ คือการวางเพลิงเผาต้องดูสภาพภูมิอากาศ ดูวันเวลา”
ในการโจมตีด้วยไฟนั้น กำลังทหารเป็นสิ่งสำคัญที่จะคอยสนับสนุนพลิกแพลงไปตามการแปรเปลี่ยน นั้นคือ
กรณีวางเพลิงจากในค่ายข้าศึก จะต้องมีสายลับแฝงตัวเข้าไปกระทำการ หรือคนที่ทรยศต่อข้าศึก โดยเอาผลประโยชน์เข้าล่อ ต้องเลือกวันเวลาที่เหมาะสม ส่วนนอกค่ายต้องเตรียมความพร้อมของกำลังทหาร พร้อมที่จะรุกทันที
แต่หากว่าไฟได้ไหม้แล้ว ข้าศึกภายในยังสงบเงียบอยู่ ต้องคอยดูท่าทีข้าศึกให้แน่นอนเสียก่อน อย่าวู่วาม และต้องรอให้ไฟลุกลามใหญ่โตแล้ว แล้วค่อยตัดสินใจไปตามเหตุการณ์ ถ้าบุกเข้าโจมตีได้ก็ให้บุก ถ้าไม่ได้ก็หยุดรอก่อน
ในกรณีที่ทำการวางเพลิงจากนอกค่ายข้าศึก ให้ศึกษาสภาพ ดิน ฟ้า อากาศ เวลา ต้องดูทิศทางลม ให้วางเพลิงจากเหนือลม และไม่เข้าจู่โจมจากทางใต้ลม ในบางครั้งเวลากลางวันจะมีลมพัดนาน ส่วนกลางคืนมักจะอับลม
ผู้เป็นแม่ทัพพึงรู้จักใช้การโจมตีด้วยไปทั้งห้ารูปแบบนี้อย่างพลิกแพลง และรอจังหวะเวลาที่จะบุกโจมตี
การโจมตีด้วยไฟนั้นเห็นผลชัดเจน การทำลายล้างสูง ความเสียหายเป็นวงกว้าง เกิดการสูญเสียมากมาย นอกจากไฟแล้วก็ยังมีน้ำที่สามารถโจมตีข้าศึกได้ แต่อานุภาพการทำลายล้างจะไม่เด็ดขาดเหมือนกับไฟ สามารถทำลายข้าศึกได้มาก แต่สร้างความเสียหายให้แก่อาวุธยุทโธปกรณ์ และเสบียงได้น้อย
นี้คือการรู้ใช้พลังของธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ เมื่อใช้เป็นความเสียหายก็จะใหญ่หลวง ในปัจจุบันยังเห็นว่านอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ยังมีอาวุธที่ทำลายล้างสูงที่มนุษย์ผลิตขึ้นมาอีกเช่น อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ แล้วแต่ว่ามนุษย์จะสรรหามาทำลายล้างกันเอง
|