บทความ
 เคมี (Chemistry)
 สู่อิสรภาพทางการเงิน (To Financial Freedom)
 การคำนวณ และออกแบบ (Calculation and design)
 เทคโนโลยีการเกษตร (Agricultural Technology)
 เครื่องมือกล (Machine tools)
 Laws of Nature
 อวกาศ
 พลังงาน
 อิเล็กทรอนิกส์
 ทฤษฏีสัมพัทธภาพ
 ไครโอเจนิกส์
 เฮลิคอปเตอร์
 เกียร์อัตโนมัติ
 โทรศัพท์มือถือ
 ยาง
 รถไฟความเร็วสูง
 คลัตช์ และกระปุกเกียร์ธรรมดา
 เจ็ทแพ็ค
 แผ่นดินไหว
 คู่มือ ต้องรอด
 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
 ดาวเทียม
 เชื่อมโลหะใต้น้ำ
 กังหันลมผลิตไฟฟ้า
 เครื่องยนต์ดีเซล
 เครื่องยนต์เบนซิน
 คัมภีร์สงครามซุนวู ฉบับเข้าใจง่าย
 โลหะ
 ฟิสิกส์
 ปัญหาพระยามิลินท์
 ยานยนต์สมัยใหม่
 แมคาทรอนิกส์
 เครื่องกล 6 แกน
 เครื่องยนต์เจ็ท
 หุ่นยนต์
 สินค้า ผลงาน
 เขียนแบบ
 ออกแบบ คำนวณ
 วางโครงการ
 งานโลหะ
 อุปกรณ์
 เครื่องกล
วันนี้ 1,362
เมื่อวาน 984
สัปดาห์นี้ 12,391
สัปดาห์ก่อน 29,853
เดือนนี้ 59,548
เดือนก่อน 65,987
ทั้งหมด 4,874,800
  Your IP :18.117.107.78

15.3.2 การชุบผิวแข็งสำหรับเครื่องมือ และชิ้นส่วนเครื่องกลอื่น ๆ

 

      เครื่องมือตัดบางอย่างต้องการผิวนอกที่แข็ง แต่พวกมันมักจะเกิดรอยร้าวได้ง่ายถ้า เครื่องมือตัดทั้งชิ้นมีแต่ความแข็ง เพราะมันจะเปราะ ดูที่รูป

 

 

 

รูปเครื่องมือตัด ใช้การชุบผิวแข็งเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการเสียดสี

แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window

 

นอกจากนี้ ก็ยังมีชิ้นส่วนเครื่องกลอีกมากมาย ที่ทำงานภายใต้ความกดดันที่มีระดับสูงระหว่างทำงาน จึงมีความต้องการเฉพาะพื้นผิวเครื่องมือตัด หรือชิ้นส่วนทางกลที่แข็งที่ทนทานต่อการเสียดสี และการแตก ยกตัวอย่างเช่น แบริ่ง, สลักลูกสูบ, เพลาข้อเหวี่ยง และเพลาลูกเบี้ยว

 

รูปแบริ่งตลับลูกปืนกลม

 

 

รูปเพลาลูกเบี้ยว

 

      ตัวอย่างทั้งหมดที่กล่าวมานี้ต้องทนต่อสภาพที่มีการเสียดสี ความเสียดทานอาจเกิดคงที่ตลอดการทำงาน อีกทั้งมักจะเกิดการกระแทกต่อชิ้นส่วนทางกลซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา

 

      การทำผิวให้แข็งในสมัยโบราณ นักรบมักจะทำเกราะป้องกันอาวุธทิ่มแทงตัวเอง นักรบสมัยนั้นจะใช้วิธีการหยาบ ๆ ในการที่จะทำให้เกิดความแข็งของเกราะเพื่อป้องกันศัตรู นอกจากนี้ก็ยังนำมาทำที่อาวุธของพวกเขา เพื่อไม่ให้เกิดการแตกร้าวได้ง่ายในอาวุธ

 

 

 

รูปเกราะของนักรบโบราณ

 

      ในตัวอย่างตอนบนทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มักจะใช้วิธีการเคลือบผิวให้แข็ง ก็ใช้เพื่อสร้างความแข็งให้กับงาน และผลิตภัณฑ์ ผิวที่แข็งจะเป็นตัวเคลือบปกป้องภายนอก ส่วนเนื้อภายในยังมีความอ่อนนุ่ม การชุบผิวแข็ง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความต้องการที่จะนำไปใช้ประโยชน์เพื่อให้ผิวภายนอกทนทานต่อการเสียดสี และภายในมีความยืดหยุ่นได้

 

 

 

 

15.4 วิธีการพื้นฐานของการชุบผิวแข็ง

 

วิธีการชุบผิวแข็งมีวิธีการชุบพื้นฐานอยู่ 3 วิธีได้แก่

 

§  วิธีคาร์บูไรซิ่ง (Carburizing)

 

§  วิธีไนไตรดิง (Nitriding)

 

§  วิธีจำกัดวงความร้อน (Localized heating)

 

 

      ในปัจจุบัน งานอุตสาหกรรมทางด้านโลหะ นิยมใช้ 3 วิธีการนี้กันมากในการชุบผิวแข็ง โดยปกติจะมีถึง 8 (จะกล่าวในหัวข้อต่อ ๆ ไป) กระบวนการ แต่ 3 วิธีที่กล่าวมาจะถูกนำมาพิจารณาก่อนเป็นอันดับแรก ๆ

 

 

 

 

15.4.1 วิธีคาร์บูไรซิ่ง

 

      วิธีคาร์บูไรซิ่ง เป็นกระบวนการชุบอาบ (Impregnates) พื้นผิวภายนอกของเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ มีการเพิ่มจำนวนคาร์บอน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของกระบวนการนี้ รองมาจากกระบวนการปรับสภาพทางความร้อน (การชุบแข็ง) วิธีคาร์บูไรซิ่งถูกนำมาใช้งานกันอย่างกว้างขวาง ที่ใช้เทคนิคทางด้านการชุบผิวแข็ง นอกจากนี้มันยังเป็นวิธีการที่ถูกที่สุดอีกด้วย

 

 

รูปการทำคาร์บูไรซิ่งเพลาเครื่องจักรกล

 

      เมื่อเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำผ่านการชุบแข็งมาแล้ว ปกติมันจะไม่แข็งไปมากกว่ากัน กระบวนการของมันจะมีการเติมคาร์บอนด้วยวิธีคาร์บูไรซิ่ง เพื่อเพิ่มความสามารถให้เกิดความแข็งขึ้น

 

      มีอยู่สองขั้นตอนในวิธีคาร์บูไรซิ่ง อันดับแรกพื้นผิวของชิ้นงานถูกชุบอาบด้วยคาร์บอน และให้ความร้อนมันเหนือแนวเส้นอุณหภูมิของการเปลี่ยนรูปด้านสูง อันดับต่อไปก็นำชิ้นงานผ่านการชุบแข็ง การนำไปชุบแข็งอีกครั้งเนื่องมาจากว่าต้องการให้คาร์บอนมาติดกับพื้นผิวเพื่อที่ให้เกิดความแข็งมากขึ้น

 

      การเพิ่มคาร์บอนลงไปที่พื้นผิวจะทำให้เกิดการป้อนความแข็งโดยตรง ทำให้ผิวที่ได้ค่อนข้างจะแข็ง เนื่องมาจากการปรับสภาพความร้อนเป็นครั้งที่สอง ประโยชน์ที่สำคัญของการทำคาร์บูไรซิ่งก็คือ มีโอกาสที่จะจับชิ้นงานชุบแข็ง หลังจากพื้นผิวมีการทำคาร์บูไรซิ่ง ส่วนรายละเอียดจะได้กล่าวถึงในหัวข้อต่อ ๆ ไปในบทนี้     

 

วิดีโอการทำคาร์บูไรซิ่งในเตา

 

 

 

 

15.4.2 วิธีการไนไตรดิง

 

      ในวิธีการไนไตรดิง พื้นผิวของวัสดุเกิดความแข็งโดยการใช้ไนโตรเจน กระบวนการนี้คล้ายคลึงกับวิธีคาร์บูไรซิ่ง แต่ชิ้นงานไม่ความจำเป็นที่จะต้องผ่านการปรับสภาพความร้อนอีกครั้ง อะตอมของไนโตรเจนจะผสมกันทางเคมี กับอะตอมเหล็กกล้าที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อให้เกิดรูปแบบส่วนประกอบไนไตรที่มีความแข็งอย่างมาก

 

 

รูปการทำไนไตรดิงแบบ พลาสมา

 

วิดีโอการทำไนไตรดิง

 

 

 

 

15.4.3 วิธีจำกัดวงความร้อน

 

      วิธีจำกัดวงความร้อน จะใช้ความร้อน และส่วนประกอบทางเคมีที่มีมากกว่า เลือกพื้นที่ที่จะต้องการทำให้ผิวแข็งมักใช้กับเหล็กกล้าคาร์บอนสูง ด้วยวิธีการนี้ จะนำไปใช้กับบางพื้นผิวที่เหล็กกล้าต้องการความแข็งเท่านั้น

 

      ชิ้นงานจะผ่านการชุบแข็งมาแล้ว แต่ต้องการที่จะเพิ่มความแข็งให้กับบางบริเวณให้พื้นผิวเกิดความแข็งกว่าเนื้อภายใน โดยเนื้อภายในยังคงความแข็งแบบเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

 

      การให้ความร้อนจะไม่ร้อนจนเหนืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง หลักการที่สำคัญของวิธีจำกัดวงความร้อนก็คือ ความร้อนที่ให้จะอยู่ในบริเวณเฉพาะพื้นผิวที่ต้องการของเหล็กกล้าจนร้อนแดง โดยไม่เกิดความร้อนขึ้นมากภายในเนื้อเหล็ก

 

 

 

 

 

วิธีการจำกัดวงความร้อน มีวิธีที่นิยมทำอยู่ 2 วิธีนั่นคือ

 

·       การชุบผิวแข็งด้วยเปลวไฟ (Flame hardening)

 

รูปการชุบผิวแข็งด้วยการใช้เปลวไฟ

 

 

·       การชุบผิวแข็งด้วยการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า (Induction hardening)

 

 

 

รูปการชุบผิวแข็งด้วยการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า

 

 

กระบวนการเหล่านี้จะได้อธิบายต่อไปในบทนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก

 

 

            “ความลับของความสำเร็จคือ

                                    เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง”

"The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes."
Benjamin Disraeli


Share on Facebook
 
Google

WWW
http://www.thummech.com/
ฟังเพลงออนไลน์ คลิกเลย
 
Copyright © 2013-2015 Thummech All Rights Reserved. 
Powered by  ThaiWebPlus 
คนธรรมดามีความรู้คือคนฉลาด คนฉลาดมีความเข้าใจคือคนธรรมดา