ยกตัวอย่างเช่น กองอิฐมีมวล 1,000 กิโลกรัม ที่ใช้สร้างตึกสูงจะมีน้ำหนัก 9,800 นิวตัน เมื่อวางอยู่บนพื้นโลก แต่มันจะมีน้ำหนักน้อยลงเมื่อมันถูกยกขึ้นสู่อาคารสูง จากพื้นไปถึงชั้นสูงสุด (การลดลงอาจจะไม่มาก ขึ้นอยู่กับค่า จี ณ ระดับนั้น ๆ)
นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง สมมติว่า นักเรียนคนหนึ่งมีมวล 70 กิโลกรัม น้ำหนักของนักเรียน ณ สถานที่หนึ่งที่ซึ่ง ค่า g = 9.80 m/s2 ก็คือ 686 N (ประมาณ 150 lb) ที่ยอดเขา ค่าจีเท่ากับ 9.77 m/s2 น้ำหนักของนักเรียนจะมีเพียง 684 นิวตันเท่านั้น
ดังนั้น หากว่าคุณต้องการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร ก็ให้ปีนไปที่สูง หรือขึ้นเขา หรืออยู่บนเครื่องบิน น้ำหนักก็จะลดลง
รูปเครื่องบินที่บินเหนือเมฆ
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
สมการที่ 5.6 คือปริมาณของแรงโน้มถ่วงในวัตถุ แต่ขอให้สังเกตว่าสมการนี้ไม่ใช้ในวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ หรือแม้แต่สำหรับวัตถุที่หยุดนิ่ง หรือสำหรับวัตถุที่ซึ่งมีแรงกระทำเล็กน้อย สมการที่ 5.6 สามารถนำมาใช้เพื่อคำนวณขนาดของแรงโน้มถ่วงเท่านั้น ผลที่ได้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนในการตีความของ m ในสมการ
มวล m ในสมการที่ 5.6 จะระบุถึงแรงของแรงดึงดูดระหว่างวัตถุ กับโลก บทบาทนี้ดูสมบูรณ์ ซึ่งมีความแตกต่างจากการอธิบายไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับมวลที่มีความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนที่ ที่สนองตอบต่อแรงภายนอก เป็นมวล ที่ถูกเรียกว่า มวลเฉื่อย (Inertial mass)
ส่วนมวลในสมการที่ 5.6 เรียกว่า มวลโน้มถ่วง (Gravitational mass) แม้ว่าปริมาณนี้จะมีความแตกต่างกันของพฤติกรรมจากมวลเฉื่อย แต่จากการทดลองสามารถทำเป็นข้อสรุปการทดลองในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของนิวตัน ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่า มวลโน้มถ่วง และมวลเฉื่อยจึงมีค่าเดียวกัน
แม้ว่าการอธิบายนี้มีจุดมุ่งเน้นไปยังแรงโน้มถ่วงบนวัตถุ เนื่องจากโลกได้เป็นผู้กระทำ แต่ถ้านำไปคิดคำนวณโดยทั่วไปบนดาวเคราะห์ใด ๆ ค่าจีก็จะมีความแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ ๆ ขนาดของแรงโน้มถ่วงก็ยังคงใช้สมการของ mg อยู่เสมอ
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
ร่วมน้อมรำลึกถึง คำพ่อสอน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
“ความคิดนั้นสำคัญมาก
ถือได้ว่าเป็นแม่บทใหญ่ของคำพูด และการกระทำทั้งปวง
กล่าวคือ ถ้าคนเราคิดดี คิดถูกต้อง
ทั้งตามหลักวิชาและคุณธรรม
คำพูด และการกระทำก็เป็นไปในทางที่ดีที่เจริญ
แต่ถ้าคิดไม่ดีไม่ถูกต้องคำพูด และการกระทำก็อาจก่อความเสียหาย
ทั้งแก่ตัวเอง และส่วนรวมได้
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่บุคคลจะพูดจะทำสิ่งใด
จำเป็นต้องหยุดคิดเสียก่อนว่า
กิจที่จะทำ คำที่จะพูด ผิดหรือถูก
เป็นคุณประโยชน์ หรือเป็นโทษเสียหาย
เป็นสิ่งที่ควรพูด ควรกระทำ หรือควรงดเว้น
เมื่อคิดพิจารณาได้ดังนี้ ก็จะสามารถยับยั้งคำพูดที่สมควรหยุดยั้ง
การกระทำที่ไม่ถูกต้อง พูด และทำแต่สิ่งที่จะสัมฤทธิ์ผลเป็นคุณ
เป็นประโยชน์ และเป็นความเจริญ”
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๐
ขอน้อมส่งพระองค์สู่สวรรคาลัย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ