ตัวอย่างที่ 2.8 รถยนต์คันหนึ่งวิ่งด้วยความเร็วคงที่ 70 m/s แล้วมีตำรวจทางหลวงดักรออยู่หลังเสาไฟ ทันทีที่รถยนต์วิ่งผ่านเสาไฟที่ตำรวจอยู่ และถูกตำรวจทางหลวงจับความเร็วรถยนต์ขับตามรถยนต์คันนั้น ด้วยความเร่งที่อัตราคงที่ 5 m/s2 จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่ตำรวจจะขับทันรถยนต์คันนั้น
รูปตำรวจทางหลวง
แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window
รูปตัวอย่างที่ 2.8
วิธีทำ
จากรูปที่แสดง แจงลำดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น การจำลองอนุภาคของรถภายใต้ความเร็วคงที่ รถและตำรวจทางหลวงถูกสมมติให้เป็นแบบจำลองอนุภาคด้วยเช่นกันภายใต้ความเร่งคงที่
อันดับแรก เราจะเขียนอธิบายถึงตำแหน่งของรถยนต์แต่ละคัน เป็นฟังชันก์ของเวลา เพื่อความสะดวกจะเลือกตำแหน่งของเสาไฟเป็นจุดเริ่มต้น และเพื่อกำหนดเวลาให้เท่ากับศูนย์ ซึ่งก็เป็นเวลาที่ตำรวจทางหลวงเริ่มที่จะเคลื่อนที่ ทันทีที่ รถได้เดินทางระยะ 70 เมตร จากเสาไฟ เพราะว่าการเคลื่อนที่ของรถมีความเร็วคงที่ก็คือ v = 70 m/s ใน 1 s
เพราะฉะนั้น ตำแหน่งเริ่มต้นของความเร็วรถจะมีค่าเท่ากับ x = 70 m
ใช้อนุภาคภายใต้รูปแบบจำลองความเร็วคงที่ จะใช้สมการ 2.7 เพื่อหาตำแหน่งของรถยนต์ในเวลาใด ๆ
xรถ = xb + vรถt
การตรวจสอบอย่างเร็วของตำรวจแสดงที่เวลา t = 0 การอธิบายอย่างนี้จะให้ตำแหน่งเริ่มต้นของรถ และตำรวจเริ่มที่จะขี่รถออกมา
xรถ = xb = 70 m
รถตำรวจเริ่มเคลื่อนที่ t = 0 และความเร่งที่ a = 5 m/s2 จากจุดเริ่มต้น จะใช้สมการ 2.16 เพื่อหาตำแหน่งของตำรวจในเวลาใด ๆ
xf = xi + vit+ ½at2
xตำรวจ = 0 + (0)t+ ½at2
= ½at2
ระบุตำแหน่งของรถ และตำรวจให้มีค่าเท่ากันเพื่อแสดงให้เห็นว่าตำรวจกำลังจะแซงรถที่ตำแหน่ง c
xตำรวจ = xรถ
½at2 = xb + vรถt
ทำการจัดเรียงสมการเสียใหม่ให้เป็นสมการยกกำลังสอง (Quadratic equation)
½at2 – vรถt – xb = 0
เราจะมาแก้สมการยกกำลังสองกันสำหรับเวลาที่ตำรวจทางหลวงจะเข้าไปถึงตัวรถ จะใช้สมการด้านล่างนี้ (การแก้สมการกำลังสองหาอ่านได้ในหนังสือคณิตศาสตร์ทั่วไป ถ้าจำไม่ได้ก็ขอให้จำสมการนี้ก่อน มีโอกาสจะได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ให้อ่านนะ)
รูปแบบสมการเพื่อแก้สมการยกกำลังสองในหนังสือคณิตศาสตร์ทั่วไป
เมื่อนำมาใช้กับตัวอย่างนี้ รูปแบบของสมการก็คือ
วิธีทำของตัวอย่างที่ 2.8
ดังนั้น รถของตำรวจจะต้องใช้เวลา 28.966 วินาที ในการที่ตำรวจจะขับทันรถยนต์คันนั้น
มีคำถามว่าทำไมเราไม่เลือก t = 0 ซึ่งเป็นเวลาที่รถตำรวจวิ่งผ่าน ถ้าเราทำเช่นนั้น เราไม่สามารถใช้อนุภาคภายใต้แบบจำลองความเร่งคงที่ในรถตำรวจทางหลวง ความเร่งของตำรวจจะเป็นศูนย์ในวินาทีแรก และ 5 m/s2 สำหรับเวลาที่เหลือ โดยการกำหนดเวลา t = 0 เมื่อตำรวจเริ่มต้นเคลื่อนที่ เราสามารถใช้อนุภาคแบบจำลองภายใต้ความเร่งคงที่สำหรับการเคลื่อนไหวของตำรวจสำหรับเวลาทั้งหมดที่เป็นบวก
ลองสมมติเล่น ๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้า ตำรวจมีรถจักรยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถสร้างความเร่งที่มากขึ้น วิธีการนี้จะทำให้เวลาเมื่อขี่ไปถึงรถที่จะจับใช้เวลาน้อย ลงหรือไม่?
คำตอบ ถ้ารถจักรยานยนต์มีความเร่งมากขึ้น ตำรวจควรจะจับรถนั้นได้ในไม่ช้า ดังนั้นคำตอบสำหรับเวลาควรจะได้น้อยกว่า 28.966 วินาที เพราะว่าเทอมทั้งหมดในด้านขวาของสมการ จะมีความเร่งในตัวหารมากขึ้น เราจะเห็นถึงการเพิ่มความเร่งมากขึ้น และจะลดเวลาที่รถตำรวจไปถึงรถที่วิ่ง
2.7 วัตถุตกอย่างอิสระ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในกรณีที่ไม่มีแรงต้านของอากาศ วัตถุทั้งหมดที่ตกลงใกล้พื้นผิวโลก จะล่วงหล่นไปยังพื้นโลกเหมือนกัน ด้วยความเร่งคงที่ภายใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2143 ตอนนั้นยังไม่มีใครยอมรับ โดยอริสโตเติล (Aristotle) ช่วงปี พ.ศ. 159 – 221 นักปรัชญาชาวกรีก เขาถือว่า วัตถุที่หนักกว่า จะตกเร็วกว่าวัตถุที่เบากว่า
รูปปั้นของอริสโตเติล
นักปราชญ์ชาวอิตาเลี่ยนที่ชื่อ กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) พ.ศ. 2107 – 2185 ผู้ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแนวความคิดเกี่ยวกับการตกของวัตถุ จนถึงปัจจุบัน
รูปกาลิเลโอ
กล่าวว่า เขาได้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของการตกลงมาของวัตถุโดยการสังเกตจากวัตถุสองอย่างที่มีน้ำหนักแตกต่างกันโดยปล่อยให้ตกลงมาจากยอดหอเอนปิซ่า วัตถุทั้งสองจะตกลงมากระทบพื้นในเวลาเดียวกัน
รูปหอเอนปิซ่า อิตาลี อิตาลี
รูปวาดกาลิเลโอทดลองการตกของวัตถุลงสู่พื้นที่หอเอนปิซ่า
วิดีโอการ์ตูนการทดลองการตกของวัตถุที่หอเอนปิซ่า
วิดีโอการทดลองการตกของวัตถุในอวกาศ
ถึงแม้ว่าอาจมีข้อสงสัยบางอย่างในการทดลอง (เนื่องจากข้อจำกัดในเทคโนโลยีของเครื่องมือในการทดลองหลายอย่างในสมัยนั้น) แต่กาลิเลโอก็ได้มีการทดลองมากมายในการทดลองการตกของวัตถุมากมาย ตัวอย่างที่เห็นก็คือการทดลองในการเคลื่อนที่ของวัตถุบนระนาบเอียง
รูปวาดการทดลองการกลิ้งลูกบอลบนพื้นเอียงของกาลิเลโอ
วิดีโอการทดลองกลิ้งลูกบอลในพื้นลาดเอียง
ในการทดลองของเขา เขาได้ทดลองกลิ้งลูกบอลบนพื้นลาดเอียง และวัดระยะทางการเคลื่อนที่ในแล้วทำการจับเวลา วัตถุประสงค์ของการเอียงก็คือลดความเร่ง ซึ่งทำให้มันสามารถวัดได้อย่างถูกต้องแม่นยำของการวัดตามช่วงเวลา โดยการทดลองจะค่อย ๆ เพิ่มความชันของทางลาด
รูปการเคลื่อนที่ตามการจับเวลา จากพื้นราบ ระนาบเอียง และแนวดิ่งตามแนวคิดของกาลิเลโอ
ในที่สุดเขาก็ได้วาดข้อสรุปเกี่ยวกับการตกของวัตถุอย่างอิสระ เพราะลูกบอลตกอย่างอิสระเทียบเท่ากับการที่ลูกบอลตกจากแนวดิ่ง
ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก
“สิ่งที่สอนคนเราไม่ได้ ก็คือ 'สามัญสำนึก' ”