ปัญหาที่ ๑๐ มหาสมุทร
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๕ แห่งพระมหาสมุทรนั้น เป็นไฉน”
รูปมหาสมุทร
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ธรรมดามหาสมุทร
๑. ย่อมไม่ปะปนด้วยซากศพ
๒. ย่อมทรงไว้ซึ่งขุมแก้วทั้งหลาย
๓. ย่อมอยู่ร่วมด้วยภูตใหญ่ ๆ
๔. แม่น้ำจะไหลมาสักเท่าไร ก็ย่อมไม่ล้นไปได้
๕. ย่อมไม่เต็มด้วยน้ำซึ่งไหลมาแต่ที่ต่าง ๆ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องบำเพ็ญตนเช่นเดียวกับมหาสมุทรนี้แล คือ
๑. ไม่ปะปนด้วยความชั่วทั้งหลาย
๒. ได้แก้ววิเศษคือมรรคผล นิพพาน แล้วปกปิดไว้
๓. ต้องอาศัยพรหมจารีบุคคล ผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติต่างๆ
๔. ไม่ก้าวล่วงสิกขาบทเพราะเหตุแห่งอิฏฐารมณ์ ดังพุทธภาษิตว่า พระมหาสมุทรย่อมเปี่ยมด้วยน้ำ แม้สาวกของเราก็มิได้ก้าวล่วงสิกขาบท แม้เพราะเหตุแห่งชีวิตเช่นเดียวกัน
๕. แม้ฟังอยู่ซึ่งอุเทศเป็นต้น ก็มิรู้อิ่มดุจพุทธภาษิตในมหาสุตโสมชาดกว่าบัณฑิตย่อมฟังคำที่เป็นสุภาษิตไม่รู้อิ่ม เพราะคำเป็นสุภาษิตเปรียบเหมือนไฟไหม้หญ้า หรือไม้ฉะนั้น”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ดีละ”
จบวรรคที่ ๒
จักกวัตติวรรคที่ ๓
ปัญหาที่ ๑ แผ่นดิน
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติองค์ ๕ แห่งแผ่นดินเป็นไฉน”
รูปแผ่นดิน
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ธรรมดาแผ่นดิน
๑. ใครจะเอาของหอมก็ตาม เหม็นก็ตาม ทิ้งลงไปแผ่นดินคงเฉยเป็นปรกติ
๒. ไม่มีเครื่องตบแต่ง แต่ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นของตนเอง
๓. เป็นของไม่มีช่องไม่มีโพลง หนาทึบกว้างขวาง
๔. แม้ทานไว้ซึ่งต้นไม้ภูเขา ก็ไม่มีความย่อท้อ
๕. ไม่ยินดียินร้ายต่ออะไรทั้งสิ้น
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องบำเพ็ญตนเช่นเดียวกับแผ่นดินนี้และ กล่าวคือ
๑. ต้องทำจิตใจให้เพิกเฉยในอิฏฐารมณ์ และในอนิฏฐารมณ์
๒. ไม่ต้องตบแต่งกาย แต่ก็หอมหวนไปด้วยกลิ่นคือศีลของตน
๓. ต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ไม่มีช่องไม่มีโพรง
๔. ต้องไม่ย่อท้อในการบำเพ็ญความดี
๕. ต้องไม่ยินดียินร้าย มีจิตเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ทุกอิริยาบถ ข้อนี้แม้นางจุลสุภัททาอุบาสิกาก็ได้กล่าวไว้ใจความว่า สมณะของข้าเป็นผู้มีจิตเสมอด้วยแผ่นดิน ไม่มีความยินดียินร้าย”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบแล้ว”