วรรคที่ ๗
ปัญหาที่ ๑ ความรู้สึกของพระอริยสงฆ์ และปุถุชนคนธรรมดา (อรหโตกายิกเจตสิกเวทนาปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่าพระอรหันต์ท่านไม่มีความทุกข์ใจ มีแต่ความทุกข์ประจำร่างกายเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นจริง ก็เป็นอันว่าท่านบังคับบัญชาร่างกายไม่ได้”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ก็เป็นอย่างนั้น”
ม: “ถ้าอย่างนั้น ไฉนท่านจึงจะสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กายได้เล่า”
น: “ขอถวายพระพร ได้สิ เพราะอาการเคลื่อนไหวทุกๆ ส่วนของร่างกาย ย่อมอยู่ในความรับผิดชอบแห่งใจของท่านทั้งนั้น ท่านจึงบังคับให้อยู่ในอาการปรกติเรียบร้อยได้เสมอ
ส่วนที่ อาตมภาพทูลรับพระองค์ในเบื้องต้นนั้น หมายถึง คติธรรมดา ความเป็นไปแห่งร่างกายต่างหาก ซึ่งเป็นอาการที่มิได้อยู่ในอำนาจของอะไรทั้งหมด”
ม: “ก็คติธรรมดา ของร่างกายนั้นคืออะไร”
น: “คือหนาว ร้อน หิว ระหาย ถ่ายอุจาระ ถ่ายปัสสาวะ หาวนอน แก่ เจ็บ ตาย
ขอถวายพระพร อาการเหล่านี้ท่านบังคับไม่ให้เป็นไม่ได้ เพราะว่าเป็นอาการประจำของร่างกาย เมื่อร่างกายยังมีอยู่ อาการเหล่านี้ก็ยังต้องมีอยู่ด้วย ถึงคราวแล้วเป็นอันไม่อยู่ในข้อห้ามของกฎเกณฑ์อะไรทั้งหมด”
ม: “เข้าใจละ แต่สงสัยว่า เป็นเพราะอะไร ปุถุชนจึงต้องมีความทุกข์ใจด้วยอีกเล่า”
น: “เป็นเพราะปุถุชนปล่อยใจไปรับรู้สึกต่ออาการผันแปรของร่างกายนั้นๆ เมื่อเป็นอาการประจำร่างกายเหล่านั้นบีบคั้นแล้ว ยังมีอารมณ์ต่าง ๆ กระทบหัวใจให้บอบช้ำอีก
ขอถวายพระพร ทั้งนี้ต้นเหตุก็เนื่องด้วย ปุถุชนมิได้ฝึกหัดใจ คุมใจไว้ไม่อยู่มิได้พิจารณาหรือพิจารณาไม่เห็นแจ้งว่า คติธรรมดามีอยู่อย่างไร เพราะเหตุเหล่านี้แลปุถุชนจึงมีความทุกข์ใจด้วย
อีกส่วนหนึ่ง”
ม: “หายสงสัยละ”
จบอรหโตกายิกเจตสิกเวทนาปัญหา
ปัญหาที่ ๒ เหตุที่พระอรหันต์ไม่มีความทุกข์ (กายิกเจตสิกเวทนายนานากรณปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน เป็นเพราะเหตุไร พระอรหันต์ท่านจึงไม่มีความทุกข์ใจอย่างปุถุชนเล่าเธอ”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร เป็นเพราะท่านมีสติสัมปชัญญะกำกับใจอยู่เสมอ กำหนดรู้อารมณ์ที่ผ่านมายังใจว่า มีเหตุมีผลเป็นอย่างไร
ถ้าเป็นอารมณ์ที่จะให้เกิดความทุกข์ ท่านก็ไม่ปล่อยใจให้ไปนอนอยู่ในอารมณ์เช่นนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ อารมณ์อันเป็นแดนเกิดแห่งความทุกข์นั้น ๆ ก็บีบใจท่านไม่ได้
ขอถวายพระพร เหตุนี้พระอรหันต์ท่านจึงไม่มีความทุกข์ใจ”
ม: “ชอบละ”
จบกายิกเจตสิกเวทนายนานากรณปัญหา