บทความ
 เคมี (Chemistry)
 สู่อิสรภาพทางการเงิน (To Financial Freedom)
 การคำนวณ และออกแบบ (Calculation and design)
 เทคโนโลยีการเกษตร (Agricultural Technology)
 เครื่องมือกล (Machine tools)
 Laws of Nature
 อวกาศ
 พลังงาน
 อิเล็กทรอนิกส์
 ทฤษฏีสัมพัทธภาพ
 ไครโอเจนิกส์
 เฮลิคอปเตอร์
 เกียร์อัตโนมัติ
 โทรศัพท์มือถือ
 ยาง
 รถไฟความเร็วสูง
 คลัตช์ และกระปุกเกียร์ธรรมดา
 เจ็ทแพ็ค
 แผ่นดินไหว
 คู่มือ ต้องรอด
 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
 ดาวเทียม
 เชื่อมโลหะใต้น้ำ
 กังหันลมผลิตไฟฟ้า
 เครื่องยนต์ดีเซล
 เครื่องยนต์เบนซิน
 คัมภีร์สงครามซุนวู ฉบับเข้าใจง่าย
 โลหะ
 ฟิสิกส์
 ปัญหาพระยามิลินท์
 ยานยนต์สมัยใหม่
 แมคาทรอนิกส์
 เครื่องกล 6 แกน
 เครื่องยนต์เจ็ท
 หุ่นยนต์
 สินค้า ผลงาน
 เขียนแบบ
 ออกแบบ คำนวณ
 วางโครงการ
 งานโลหะ
 อุปกรณ์
 เครื่องกล
วันนี้ 22
เมื่อวาน 1,634
สัปดาห์นี้ 6,252
สัปดาห์ก่อน 11,634
เดือนนี้ 34,487
เดือนก่อน 76,610
ทั้งหมด 4,378,984
  Your IP :18.227.228.95

ปัญหาที่ ๖ วาสนาของช่างปั้นหม้อ (ฆฏิการปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

 

โรงนายช่างหม้อ ชื่อฆฏิการ มีอากาศเป็นหลังคาตั้งอยู่แล้วตลอด ๓ เดือน  ฝนไม่รั่วรดเลย ฉะนี้และตรัสว่า กุฎีพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าฝนตกรั่ว

 

ก็ถ้าฟังตามพระพุทธพจน์ทั้ง ๒ นี้ จะมิเป็นอันว่า ช่างหม้อมีวาสนาดีกว่าพระพุทธเจ้าหรือ”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “เป็นไปไม่ได้  ขอถวายพระพร การที่โรงของนายช่างหม้อเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่านายช่างหม้อเป็นคนมีศีลเลี้ยงมารดาบิดา เคยได้สร้างสมบุญกุศลตลอดมา

 

      และมีเรื่องแสดงไว้ว่า อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้มาขนหญ้าหลังคาของเขาไปมุงกุฎีถวายพระกัสสปพุทธเจ้า ภายหลังเขารู้ก็เกิดปีติพลอย อนุโมทนาในกุศลกรรมอันนั้น

 

(ใน ฆฏิการสูตร  มัชฌิมนิกาย  มัชฌิมปัณณาสก พรรณานา เรื่องนี้ไว้ว่า พระพุทธเจ้าตรัสเล่าให้พระอานนท์ฟังว่า

 

ครั้งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นในโลก มีนายช่างหม้อชื่อฏิฆการ เป็นพุทธอุปฐาก และนายช่างหม้อนั้นมีสหายอยู่ผู้หนึ่งชื่อโชติปาลมาณพ

 

       วันหนึ่งนายช่างหม้อพร่ำชวนโชติปาลมาณพไปเฝ้าพระพุทธเจ้า (ดังข้อความที่ปรากฏในปัญหาที่ ๕ นั้น) ที่สุดโชติปาลมาณพก็ไปเฝ้าและเลื่อมใสออกบรรพชาในพระพุทธศาสนา

      

       ภายหลังพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปถึงแคว้นของพระเจ้ากิงกิสสราชๆ จึงทรงอาราธนาให้เสด็จจำพรรษาอยู่ที่แคว้นนั้น  แต่พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงรับ  ด้วยทรงอ้างว่าพระองค์ได้รับอาราธนาของ นายช่างหม้อผู้อุปฐากเสียแล้ว

 

       แล้วตรัสพรรณนาถึงความดีและความคุ้นเคย ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงมีอยู่กับนายช่างหม้อถวายพระเจ้ากิงกิสสราชว่า พระองค์ได้เคยรับอุปการะจาก เขาหลายอย่าง

 

       ดังคราวหนึ่งฝนตกรั่วรดพระคันธกุฎีเปียก จึงตรัสใช้พระภิกษุไปขนหญ้า ที่นายช่างหม้อมุงหลังคาเรือนไว้ ก็ในขณะนั้น นายช่างหม้อไม่อยู่ อยู่แต่บิดามารดาของเขา เมื่อพระภิกษุได้รับอนุณาต ก็ช่วยกันขนมามุงพระคันธกุฎี

 

       ครั้นนายช่างหม้อกลับมาทราบเรื่องจากบิดามารดา ก็เกิดความปีติปราโมทย์ ในการกระทำของพระพุทธองค์ และเรือนของเขามีอากาศเป็นหลังคาอยู่ตลอด ๓ เดือน  ฝนก็ไม่รั่วรดเลยนี้เป็นเรื่องให้เกิดปัญหานี้ )

 

       ส่วนพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่ากุฎีของพระพุทธกัสสปฝนรั่วนั้น ก็เป็นด้วยพระพุทธองค์ทรงเห็นอำนาจประโยชน์  ๒  ประการ คือ ทรงเห็นว่า พระองค์เป็นผู้ควรแก่ทักขิณาทานของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เมื่อทรงปล่อยให้เป็น เช่นนั้นเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักได้มีโอกาส ก่อสร้างบุญกุศล แล้วจักได้พ้นจาก

ความทุกข์ทั้งหลาย

 

       อีกประการหนึ่ง คนทั้งหลายจักติเตียนไม่ได้ว่า พระพุทธเจ้า

ทรงทำที่อยู่อาศัยด้วยพระองค์เอง)

 

ขอถวายพระพร อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒  ประการนี้แล  พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงปล่อยให้กุฎีรั่วเช่นนั้น”

 

      ม: “ชอบละ”

 

จบฆฏิการปัญหา

 

 

 

ปัญหาที่ ๗ พระพุทธเจ้าเป็นพระราชาด้วย เป็นพราหมณ์ด้วย (ภควโตราชปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าเคยตรัสกะภิกษุทั้งหลายในบางคราวว่า พระองค์เป็นพราหมณ์ ดังนี้มิใช่หรือ”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ตรัสดังนั้นจริง”

 

      ม: ถ้าอย่างนั้น ทำไมเมื่อตรัสกะเสละพราหมณ์ จึงตรัสว่า พระองค์เป็นกษัตริย์เล่า (พึงดูเรื่องเดิมที่เชิงอรรถแห่งปัญหาที่ ๑  วรรคที่ ๓)

 

      น: “ขอถวายพระพร เหตุว่าพระพุทธองค์เป็นทั้งพราหมณ์เป็นทั้งกษัตริย์”

 

      ม: “ตามพระพุทธประวัติก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงอุบัติในสกุลกษัตริย์ แต่นี่ทำไมเธอจึงกล้ามายืนยันว่าพระองค์เป็นพราหมณ์ด้วยอีกเล่า”

 

      น: “ขอถวายพระพร ก็พวกพราหมณ์มีวัตตจริยาอย่างไร เขาจึงได้ชื่อเช่นนั้น”

 

      ม: “พวกพราหมณ์เขาก็มีวัตร คือถือการยืนการเดินไม่นั่งไม่นอนเป็นต้น และเขามีพิธีลอยบาปทุกปี คือลงสระเกล้าชำระกายในแม่น้ำ ซึ่งเขาถือว่าได้ลอยบาปไปตามกระแสน้ำแล้ว และทั้งมีเวท คือตำรับแสดงกิจในศาสนาอยู่ ๓ เวท 

     

      ผู้ใดเรียนจบเวททั้ง  ๓ นั้นแล้ว ชื่อว่าถึงที่สุดเวท นี่แลเธอองค์คุณเหล่านี้ที่จัดแบ่งวรรณะพวกนั้นเป็นพราหมณ์”

 

      น: “ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าก็มีพระพุทธจริยาบางอย่างเช่นนั้นเหมือนกัน คือ ทรงสมาทานธุดงค์ เช่นบางครั้งทรงถือการจงกรมเป็นวัตร และทรงชำระบาปอกุศลทั้งหลาย จนพระสันดานหมดจดผ่องใสอยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเป็นเช่นเดียวกันกับการลอยบาปของพราหมณ์และทั้งพระองค์ได้ตรัสรู้วิชา ๓ เยี่ยงเดียวกับพราหมณ์ถึงสุดเวทนั้น

 

      อนึ่งพระพุทธองค์ทรงเป็นกษัตริย์โดยพระชาติ  เพราะทรงอุบัติในวงศ์ศากยราช และโดยพระอัธยาศัยเพราะทรงเป็นนักรบที่กล้าหาญสามารถทรงต่อสู้มาร และเสนามารโดยลำพังพระองค์ผู้เดียวจนข้าศึกนั้น ๆ พ่ายแพ้ไม่มีมาผจญพระองค์ได้อีกเลย ทรงยกเศวตฉัตรอันขาวบริสุทธิ์คือ วิมุตติธรรม (ธรรมของการหลุดพ้น) ประกาศความเป็นราชา เพราะธรรม ให้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายทราบ

 

      ขอถวายพระพร ก็เมื่อพระพุทธองค์ทรงคุณสมบัติถึงเช่นนี้แล้ว จะไม่ยอมรับว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นพราหมณ์ ทรงเป็นกษัตริย์อย่างไร”

 

      ม: “จริงอย่างเธอว่า”

 

จบภควโตราชปัญหา

 

 

Share on Facebook
 
Google

WWW
http://www.thummech.com/
ฟังเพลงออนไลน์ คลิกเลย
 
Copyright © 2013-2015 Thummech All Rights Reserved. 
Powered by  ThaiWebPlus 
คนธรรมดามีความรู้คือคนฉลาด คนฉลาดมีความเข้าใจคือคนธรรมดา