ปัญหาที่ ๘ การแสดงปาฏิโมกข์ (ธัมมวินยปฏิจฉันนปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าตรัสว่า
‘ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมวินัย ถ้ามีผู้เผยแผ่โดยการบอกกล่าวเล่าเรียน และปฏิบัติกันอยู่ ก็จะไพโรจน์รุ่งเรืองอยู่ฉะนี้’
ก็แต่เหตุไรการแสดงพระปาฏิโมกข์ (คือ คัมภีร์ที่รวมศีลวินัยสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ เป็นการรวมพุทธบัญญัติไว้ และให้สวดในที่ประชุมสงฆ์ทุกครึ่งเดือน (วันพระ)) จึงทรงแสดงปกปิด แสดงแต่ในที่ลับเล่า”
รูปวาดแสดงปาฏิโมกข์ในสมัยพุทธกาล
พระนาคเสนทูลตอบว่า “การที่มิได้ทรงเปิดเผยการแสดงพระปาฏิโมกข์แก่ชนทั่วไปนั้น ก็เนื่องด้วยเหตุ ๓ ประการ
คือ ทรงปิดตามประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหมือนดังพระมหากษัตริย์ย่อมทรงปกปิด ขัตติยมายา (ประเพณีของพระมหากษัตริย์) แต่ว่าย่อมทรงแสดงแก่ พระมหากษัตริย์ด้วยกัน
เหตุประการที่ ๒ คือ ทรงปิดเพราะเป็นของโดยอธิบายว่าผู้กระทำปาฏิโมกขุทเทสให้บริบูรณ์ย่อมได้บรรลุพระอรหัตตผล
เหตุประการที่ ๓ คือทรงปิดเพราะภูมิของพระภิกษุมีค่ามาก ใครชั่งไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้การแสดงพระปาฏิโมกข์ จึงควรเฉพาะพระภิกษุด้วยกันเท่านั้น”
ม: “ฟังได้”
จบธัมมวินยปฏิจฉันนปัญหา
ปัญหาที่ ๙ อาบัติ (มุสาวาทครุลหุภาวปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน การกล่าวเท็จ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้เป็นอาบัติเบาก็มี อาบัติหนักก็มี นั่นเป็นเพราะอะไร”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร เป็นเพราะกระทำความผิดหนักเบากว่ากัน
เปรียบเหมือนผู้กระทำการละเมิดกฎหมาย แม้จะเป็นความผิดรูปเดียวกัน แต่ถ้าเจตนาหรือความพยายามต่างกัน กระทงโทษแห่งความผิดนั้นๆ ก็ย่อมต่างกันไป เช่นเดียวกันนี้ฉันใด การกล่าวเท็จของพระภิกษุ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
คือมีเจตนาและวัตถุแห่งการล่วงละเมิดสิกขาบทนั้นๆ ต่างกัน ก็เมื่อเหตุต่างกันเช่นนี้ ผลคืออาบัติจึงมีหนักบ้างเบาบ้าง”
ม: “เข้าใจละ”
จบมุสาวาทครุลหุภาวปัญหา
|