ปัญหาที่ ๑๐ องคคุณเครื่องตรัสรู้ของสมณะ (อัคคานัคคสมณะปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระอริย ผู้ทำอาสวะ (ของหมักหมม) ให้สิ้นไปแล้ว ชื่อว่าเป็นสมณะผู้สงบ ฉะนี้มิใช่หรือ”
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร เป็นดังพระองค์ตรัสนั้นแล”
ม: “ถ้าเช่นนั้น เหตุไฉนพระพุทธองค์จึงตรัสว่า บัณฑิตย่อมกล่าวผู้ที่ประกอบด้วย ความอดทน ความมักน้อย ความไม่ยินดียินร้าย ความไม่กังวล ว่าเป็นสมณะในโลก ฉะนี้อีกเล่า”
น: “ขอถวายพระพร การที่พระพุทธองค์ตรัสคำเบื้องปลายนี้ ก็ด้วยมีพระพุทธประสงค์จะทรงจำแนกองคคุณของสมณะออกให้เห็นชัด และทรงจัดเป็นสมณะสามัญ
ส่วนพระพุทธพจน์ต้นนั้น พระองค์ทรงมุ่งจะแสดงสมณะชั้นสูง ถ้าจะเปรียบก็เหมือนดอกไม้ นายมาลาการ (จัดดอกไม้) ย่อมจัดดอกมะลิไว้เป็นดอกไม้พิเศษ ฉะนั้น”
ม: “พอฟังได้”
จบอัคคานัคคสมณะปัญหา
จบวรรคที่ ๓
วรรคที่ ๔
ปัญหาที่ ๑ เสริมคำยกย่องของพระพุทธเจ้า (วัณณภณนปัญหา)
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าเคยตรัสสอนพระภิกษุทั้งหลายว่า
‘ถ้าใครกล่าวสรรเสริญคุณแห่งตถาคตก็ดี คุณแห่งพระธรรม
ก็ดี คุณแห่งพระสงฆ์ก็ดี พวกเธอไม่ควรจะกระทำความเพลินใจ หรือทะนงใจ’
ฉะนี้มิใช่หรือ”
พระนาคเสนทูลว่า “ขอถวายพระพร เป็นอย่างพระองค์ตรัสนั้นแล”
ม: “ถ้าเช่นนั้น ไฉนเมื่อเสละพราหมณ์มาสรรเสริญคุณของพระองค์ พระองค์ จึงเพลิดเพลิน ถึงกะทรงแสดงพระคุณของพระองค์ยิ่งขึ้นไปอีกเล่า (ดูเรื่องที่เชิงอรรถ ปัญหาที่ ๑ วรรคที่ ๑) หรือทรงมุ่งลาภผลอะไร”
น: “ขอถวายพระพร พระพุทธองค์หาได้ทรงมุ่งลาภยศสรรเสริญ หรือผลอะไรไม่ การที่พระองค์ทรงกระทำดังนั้น ก็ด้วยทรงพิจารณาเห็นว่า เสละพราหมณ์พร้อมด้วยเหล่ามาณพผู้บริวารจะได้บรรลุมรรคผล ด้วยอุบายที่ชักจูงใจให้เพลินไปในพระคุณสมบัติเช่นนั้น เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงแสดงพระคุณของพระองค์เองให้ยิ่งขึ้น
ส่วนการที่พระองค์ตรัสสอนพระภิกษุมิให้เพลิดเพลินคำสั่งสอนนั้น ก็เพราะทรงเห็นว่าคำสรรเสริญเป็นโลกธรรม มีคติหมุนเวียนไปตามโลก เมื่อยินดีต่อคำสรรเสริญ ถึงคราวแปรผัน ก็ต้องยินร้ายต่อคำนินทา เมื่อเป็นเช่นนี้จิตก็จะฟุ้งซ่านนำผลร้ายมาสู่ตน เหตุฉะนี้ พระพุทธองค์จึงตรัสสอนดังนั้น”
ม: “เธอฉลาดว่า”
จบวัณณภณนปัญหา
|