บทความ
 เคมี (Chemistry)
 สู่อิสรภาพทางการเงิน (To Financial Freedom)
 การคำนวณ และออกแบบ (Calculation and design)
 เทคโนโลยีการเกษตร (Agricultural Technology)
 เครื่องมือกล (Machine tools)
 Laws of Nature
 อวกาศ
 พลังงาน
 อิเล็กทรอนิกส์
 ทฤษฏีสัมพัทธภาพ
 ไครโอเจนิกส์
 เฮลิคอปเตอร์
 เกียร์อัตโนมัติ
 โทรศัพท์มือถือ
 ยาง
 รถไฟความเร็วสูง
 คลัตช์ และกระปุกเกียร์ธรรมดา
 เจ็ทแพ็ค
 แผ่นดินไหว
 คู่มือ ต้องรอด
 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
 ดาวเทียม
 เชื่อมโลหะใต้น้ำ
 กังหันลมผลิตไฟฟ้า
 เครื่องยนต์ดีเซล
 เครื่องยนต์เบนซิน
 คัมภีร์สงครามซุนวู ฉบับเข้าใจง่าย
 โลหะ
 ฟิสิกส์
 ปัญหาพระยามิลินท์
 ยานยนต์สมัยใหม่
 แมคาทรอนิกส์
 เครื่องกล 6 แกน
 เครื่องยนต์เจ็ท
 หุ่นยนต์
 สินค้า ผลงาน
 เขียนแบบ
 ออกแบบ คำนวณ
 วางโครงการ
 งานโลหะ
 อุปกรณ์
 เครื่องกล
วันนี้ 3,955
เมื่อวาน 1,670
สัปดาห์นี้ 7,147
สัปดาห์ก่อน 12,965
เดือนนี้ 48,347
เดือนก่อน 76,610
ทั้งหมด 4,392,844
  Your IP :18.191.46.36

ปัญหาที่ ๖ พระพุทธเจ้าทรงทำประโยชน์แก่หมู่สัตว์ (สัพพสัตตหิตจรณปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่า

 

 พระพุทธเจ้าทรงนำเฉพาะแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขมาให้แก่ประชาชนนั้น

 

จริงเสมอไปหรือ”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร จริงเสมอ”

 

      ม: “ถ้าจริงเสมอ ทำไมพระพุทธองค์จึงทรงแสดงอัคคิขันโธปมสูตร

 

(พระสูตรนี้มาในสัตตกนิบาตอังคุตตนิกาย มีใจความว่า วันหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปทอดพระเนตรเห็นไฟกองใหญ่ ซึ่งกำลังสุกโชนอยู่ จึงดำรัสสั่งให้พระภิกษุทั้งหลายดูแล้วทรงเปรียบให้ฟังว่า ไฟแม้จะร้อนสักเพียงไร ก็ยังร้อนไม่เท่าความร้อนซึ่งเป็นผลแห่งความชั่ว ในพระสูตรนั้นกล่าวต่อไปว่า เวลานั้นมีภิกษุส่วนหนึ่งจำนวน ๖๐ รูปเป็นผู้ละเมิดพระพุทธบัญญัติล่วงปฐมปาราชิกสิกขาบท เมื่อได้ฟังพระพุทธโอวาทดังนั้น ต่างก็กระอักเลือดออกมา)

 

ซึ่งเกิดผลร้ายจนถึงกระทำให้พระภิกษุตั้ง ๖๐ รูปกระอักเลือดเล่า”

 

      น: “ขอถวายพระพร การที่ภิกษุทั้ง ๖๐ รูปกระอักเลือดนั้นเป็นเพราะความชั่วที่ตัวกระทำไว้ตามมาให้ผลต่างหาก”

 

      ม: “ถึงเช่นนั้น ถ้าพระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระสูตรนั้น ท่านเหล่านั้นก็คงไม่กระอักเลือด”

 

      น: “ก็ถ้ากระอักเลือดเป็นเป็นเพราะการทรงแสดงพระสูตรนั้นไซร้ ไฉนพระภิกษุเหล่าอื่น จึงไม่เป็นเช่นนั้นด้วยเล่า ขอถวายพระพร นี่เพราะเป็นด้วยผลของความชั่วที่ตัวกระทำเป็นเหตุ จึงเกิดผลร้ายเฉพาะแต่พวกเหล่านั้น”

 

      ม: “แต่ความเห็นข้าพเจ้าว่า ถ้าพระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระสูตรนั้นเสียเลย ผลร้ายอันนั้นก็คงจะไม่มีเป็นแน่”

 

      น: “อาตมภาพจะเปรียบถวาย ธรรมดาช่างไม้ ถ้ามัวเสียดายเนื้อไม้อยู่ จะกระทำไม้ที่คดที่งอให้ตรงได้หรือไม่”

 

 

รูปเปรียบกับช่างไม้กำลังใช้กบไสไม้ให้ตรง

 

      ม: “ไม่ได้สิเธอ ตรงไหนคดงอมีงอนก็ต้องถากทิ้งเสีย ไม้นั้นจึงจะตรงได้ตามความประสงค์”

 

      น: “ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกันกับช่างไม้นั้นแล คือพุทธบริษัทเหล่าใดคดงอจนทรงกระทำให้ตรงด้วยอาการปรกติไม่ได้ พระองค์ก็ต้องถากทิ้งเสียโดยทำนองที่ทรงแสดงโทษของความชั่วอย่างหนัก ให้เกิดความเกรงกลัว และให้ได้รับโทษเพื่อจะให้หลาบจำไม่กระทำต่อไปอีก

 

      อนึ่ง ถ้าพระพุทธองค์จะมัวทรงคำนึงถึงความทุกข์เฉพาะของพระภิกษุ ๖๐ รูปนั้นแล้วไม่แสดงพระสูตรนี้ พระภิกษุอีกจำนวนมากก็จะไม่ได้บรรลุมรรคผลตามโอกาสอันควรของตน

 

      ขอถวายพระพร ที่มิเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า การแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องนี้ เหมาะแก่ที่จะดัดนิสัยของผู้ฝ่าฝืนพระพุทธบัญญัติให้ละความประพฤติอันนั้น กลับใจมาดำเนินทางตรง แล้วบรรลุมรรคผลตามอุปนิสัยสามารถของตน ๆ

 

      ขอถวายพระพร เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องจัดว่า พระพุทธองค์ทรงนำเฉพาะแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขมาแก่ประชุมชนทั้งนั้น”

 

      ม: “จริงอย่างเธอว่า”

 

จบสัพพสัตตหิตจรณปัญหา

 

 

 

ปัญหาที่ ๗ โลกุตรธรรมอันประเสริฐ (เสฏฐธัมมปัญหา)

 

      พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า โลกุตรธรรม (ธรรมที่พ้นวิสัย หรือเกินความสามารถของทางโลก มี ๙ ข้อ คือ มรรคมี ๔ ข้อ (คือ ๑.โสดาปัตติมรรค ๒.สกิทาคามิมรรค ๓.อนาคามิมรรค ๔.อรหัตมรรค) ผลมี ๔ ข้อ (คือ ๕.โสดาปัตติผล ๖.สกิทาคามิผล ๗.อนาคามิผล ๘.อรหัตผล) และ ๙.นิพพาน) เป็นธรรมประเสริฐสูงสุด ดังนี้มิใช่หรือ”

 

      พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร เป็นดังพระองค์ตรัสนั้นแล”

 

      ม: “ถ้าอย่างนั้น เหตุไฉนฆราวาส ที่เป็นโสดาบันซึ่งได้บรรลุโลกุตรธรรมขั้นต้นแล้ว จึงต้องกราบไหว้พระภิกษุสามเณรที่ยังเป็นปุถุชนอยู่เล่า”

 

      น: “ขอถวายพระพร เหตุว่าพระภิกษุหรือสามเณรเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งสมณเพศอันเป็นเพศสูงสุด เพราะกอบด้วยคุณธรรมมากอย่างมากประการ

 

      ส่วนฆราวาสนั้นแม้จะได้บรรลุคุณธรรมมีภูมิสูงกว่า แต่ก็เป็นเพศที่มีคุณธรรมต่ำกว่า เพราะฉะนั้นจึงต้องกราบไหว้พระภิกษุสามเณร ซึ่งทรงเพศอันบริบูรณ์ด้วยคุณธรรมทั้งหลาย      

 

      เปรียบเหมือนพระราชกุมารทรงศึกษาศิลปวิทยาในสำนักปุโรหิต ครั้นถึงสมัยเมื่อได้ขึ้นทรงราชย์แล้ว ก็ยังควรกระทำความเคารพปุโรหิตผู้มีสกุลต่ำกว่าแต่มีฐานะเป็นอาจารย์ฉะนั้น”

 

      ม: “เข้าใจละ”

                       

จบเสฏฐธัมมปัญหา

 

 

 

Share on Facebook
 
Google

WWW
http://www.thummech.com/
ฟังเพลงออนไลน์ คลิกเลย
 
Copyright © 2013-2015 Thummech All Rights Reserved. 
Powered by  ThaiWebPlus 
คนธรรมดามีความรู้คือคนฉลาด คนฉลาดมีความเข้าใจคือคนธรรมดา