ปัญหาที่ ๘ พระอาทิตย์
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๗ แห่งพระอาทิตย์นั้น เป็นไฉน”
รูปพระอาทิตย์
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร พระอาทิตย์
๑. ย่อมเผาน้ำให้เหือดแห้งได้
๒. ย่อมกำจัดเสียซึ่งมืด
๓. ย่อมส่องโลกทุก ๆ วัน
๔ มีรัศมีเป็นระเบียบ
๕. แผดเผาหมู่คนให้เร่าร้อน
๖. กลัวราหู
๗. ส่องให้เห็นที่สะอาดหรือสกปรก
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๗ แห่งพระอาทิตย์นี้เป็นตัวอย่างแห่งความประพฤติ คือ
๑. ต้องเผากิเลสให้เหือดแห้งไม่ให้เหลืออยู่
๒. ต้องกำจัดความมืด คือราคะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฐิ
๓. ต้องกระทำโยนิโสมนิสการเนือง ๆ
๔. ต้องมีอารมณ์เป็นระเบียบ
๕. ต้องยังโลกให้เจริญด้วยกุศลธรรม
๖. เห็นหมู่ชนข้องอยู่ในข่าวคือ กิเลสก็สงสารสลดใจเพราะกลัวภัยคือกิเลสนั้น ๆ
๗. ต้องแสดงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ให้เห็นแจ่มแจ้ง
ดังคำที่พระวังคีสเถรกล่าวไว้ว่า ภิกษุผู้แสดงธรรมย่อมยังหมู่ชนที่ถูกอวิชชาปกปิดอยู่ ให้เห็นธรรมต่าง ๆ ดุจทางเดินที่พระอาทิตย์ส่องให้มองเห็นฉะนั้น”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ถูกละ”
ปัญหาที่ ๙ ท้าวสักกะ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ดูก่อนพระนาคเสน ผู้ปฏิบัติต้องถือองค์ ๓ แห่งท้าวสักกะ (พระอินทร์) นั้น เป็นไฉน”
รูปวาดท้าวสักะ
พระนาคเสนทูลตอบว่า “ขอถวายพระพร ท้าวสักกะ
๑. ย่อมอิ่มเอิบไปด้วยความสุขส่วนเดียว
๒. เป็นจอมแห่งเทวดา ทรงยกย่องทวยเทพให้เกิดความร่าเริง
๓. ความเบื่อหน่ายย่อมไม่มีแก่ท้าวสักกะ
ขอถวายพระพร ผู้ปฏิบัติต้องทรงคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับท้าวสักกะนี้แล คือ
๑. ต้องอิ่มไปด้วยความสุข ซึ่งเกิดแต่ความสงัดกายสงัดใจ
๒. ประคองใจไม่ให้หดหู่ ให้ร่าเริงในการเจริญกุศลธรรมอยู่เป็นนิตย์
๓. ต้องไม่เบื่อหน่ายในเรือนอันว่างเปล่า
ดังภาษิตที่พระสุภูติเถรกล่าวไว้ว่า ข้าแต่พระมหาวีระ ข้าพระองค์บวชในศาสนาของพระองค์ มิได้รู้สึกกำหนัดรักใคร่เลย”
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า “ชอบแล้ว”